โดนแมวข่วนมา 1 อาทิตย์แล้วค่ะ แต่แมวตัวนี้ฉีดยาแล้ว แต่พึ่งโดนแมวจรข่วนประมาณเกือบ 5 วันแล้วค่ะ เราฉีดยากันพิษสุนัขบ้าเมื่อพ.ย.เข็มสุดท้ายค่ะ แต่ตอนนี้รู้สึกเจ็บคอนิดหน่อย เกี่ยวกันมั้ยคะ ถ้าเราไปฉีดยากระตุ้นอีกเข็มจะทันมั้ยคะ

สวัสดีครับ
การที่แมวตัวที่ข่วนเพิ่งถูกแมวจรจัดข่วนมานั้นจะทำให้แมวตัวดังกล่าวไม่ปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้าครับ

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าให้เร็วที่สุดก่อน ซึ่งในกรณีที่เคยได้รับการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าครบมาครั้งหนึ่งแล้วและยังฉีดมาไม่เกิน 6 เดือน ก็ตะต้องมีการฉีดวัคซีนกระตุ้น 1 เข็มครับ

โรคพิษสุนัขบ้านั้นเป็นโรคที่มีการดำเนินโรคที่ช้า ถึงแม้จะถูกแมวข่วนมานาน 5 วันแล้วก็ยังสามารถไปฉีดวัคซีนป้องกันได้อยู่โดยไม่ถือว่าช้าเกินไปครับ

สวัสดีค่ะ
หากโดนแมวข่วนหรือ กัด โดยเฉพทะแมวจรจัดที่สังเกตอาการไม่ได้ สามารถไปฉีดยาได้ภายใน 14 วันค่ะ (ซึ่งกรณีนี้ สามารถไปฉีดได้ค่ะ)
นอกจากนี้ แนะนำให้ทำแผลที่ รพ ให้แผลแห้ง และ ให้ยาฆ่าเชื้อด้วยค่ะ

การดำเนินโรคของโรคพิษสุนัขบ้านั้น ช้ามาก มักไม่แสดงอาการรวดเร็วค่ะ
การฉีดยา จึงสามทารถป้องกันโรคได้ แม้จะผ่านมานานกว่า 2 สัปดาห์ก็ตามค่ะ
**ยังไงก็แนะนำให้ฉีดยานะคะ เนื่องจากแมวที่ฉีดยาหลังกัดคนไข้ ก็ถือว่าเป็นแมวที่มีความเสี่ยงค่ะ

ส่วนอาการเจ็บคอ คาดว่า อาจไม่เกี่ยวกันค่ะ แนะนำให้พบแพทยืเพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติม เช่น คออักเสบ หวัด ทอลซิลอักเสบ จะพบบ่อยกว่าค่ะ

แมวที่จะถือว่าปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้านั้นจะต้องเป็นแมวที่
- เคยได้รีบการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้ามาแล้วอย่างน้อย 2 ปีติดต่อกัน และครั้งสุดท้ายจะต้องยังไม่เกิน 1 ปี
- ถูกเลี้ยงอยู่ภายในบ้านตลอดเวลา (ไม่ถูกกัดข่วนจากสัตว์อื่น)
- แมวกัดข่วนอย่างมีเหตุผล

จากในกรณีนี้แมวจึงไม่ปลอดภัยจากการติดเชื้อพิษสุนัขบ้า และตัวคุณก็ควรได้รับการฉีดวัคซีนครับ

ส่วนอาการเจ็บคอในขณะนี้นั้นมีโอกาสที่จะเกิดจากโรคพิษสุนัขบ้าได้น้อย เนื่องจากไม่ใช่อาการที่จำเพาะต่อโรคพิษสุนัขบ้าและในกรณีที่มีการติดเชื้อพิษสุนัขบ้าอาการก็จะไม่เกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ครับ

หมอแนะนำว่าในตอนนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนและตรวจประเมินอาการไข้และเจ็บคอก่อนครับ

สามารถไปฉีดได้ค่ะ
แนะนำให้ฉีดเพิ่ม 1 เข็มก็เพียงพอ เนื่องจากเคยฉีดครบคอสมาน้อยกว่า 6 เดือนค่ะ

แนะนำให้ไปฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดครับ ซึ่งถ้าหากสะดวกไปในวันพรุ่งนี้เช้าก็สามารถทำได้อยู่ครับ

การฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าไม่มีกำหนดที่แน่นอนว่าควรฉีดภายในกี่วันครับ เพียงแต่ถ้ายิ่งฉีดได้เร็วประสิทธิภาพของวัคซีนก็ย่อมดีกว่า

และในขณะที่เป็นไข้ก็สามารถฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าได้ครับ

หลังจากฉีดวัคซีนไปแล้วภูมิคุ้มกันต่อเชื้อพิษสุนัขบ้าก็จะลดลงไปเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อถูกสัตว์กัดหรือข่วนอีกจึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเพิ่มเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันครับ

การฉีดวัคซีนที่เร็วจะได้ผลดีกว่าการฉีดวัคซีนที่ล่าช้าเนื่องจากร่างกายจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อกำจัดเชื้อได้เร็วกว่า

แต่ตราบใดที่ยังไม่มีอาการของโรคพิษสุนัขบ้าเกิดขึ้นก็ยังเป็นช่วงเวลาที่สามารถฉีดวัคซีนได้อยู่ครับ

อาการของโรคพิษสุนัขบ้าจะเกิดขึ้นได้ใน 2 ลักษณะใหญ่ๆครับ
1. อาการจากสมองอักเสบ
จะทำให้มีระดับความรู้สึกตัวที่เปลี่ยนไป โดยในช่วงแรกจะมีการรู้ตัวที่ปกติสลับกับช่วงที่ตื่นเต้น กระวนกระวาย จนถึงขั้นอาละวาด โวยวาย เรียกไม่รู้สึกตัวในภายหลัง ร่วมกับมีอาการกลัวน้ำ กลัวลม หลอดลมตีบเกร็ง

2. อาการอัมพาต
จะมีไข้ร่วมกับอาการชาและกล้ามเนื้ออ่อนแรง เริ่มจากขา มาแขน ลำตัว ใบหน้า และกล้ามเนื้อที่ทำงานเกี่ยวกับการหายใจในระยะสุดท้าย

ระยะฟักตัวโดยเฉลี่ยของพิษสุนัขบ้าก่อนเริ่มเกิดอาการโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3 สัปดาห์ - 4 เดือนครับ แต่ในบางคนก็อาจเกิดเร็วกว่านี้หรือช้ากว่านี้ซึ่งอาจนานถึง 1 ปีได้ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของบาดแผล ปริมาณเชื้อที่ได้รับ และตำแหน่งที่เกิดแผลครับ

ในกรณีนี้ควรไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า 1 เข็มเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้เร็วที่สุดก่อนจึงจะถือว่าปลอดภัยจากเชื้อพิษสุนัขบ้าครับ

ถ้าหากอาการมีไข้ ปวดศีรษะเกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนฉีดวัคซีนแล้ว สาเหตุก็ไม่น่าเกี่ยวข้องกีบการฉีดวัคซีนครับ

อาการปวดศีรษะ มีไข้นั้นสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุตั้งแต่ ไข้หวัดธรรมดา ไข้เลือดออก ไซนัสอักเสบ ไปจนถึงการติดเชื้อในระบบประสาท

หมอแนะนำว่าในกรณีนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการหาสาเหตุที่แน่ชัดก่อน เพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

ถ้าได้รับการตรวจประเมินอาการและทราบสาเหตุที่แน่ชัดแล้วหมอก็แนะนำให้รับประทานยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ตรวจก่อนครับ

แต่ถ้าหากผ่านไป 2-3 วันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการที่ดำเนินไปในทางที่แย่ลง ก็ควรกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการซ้ำครับ

โอกาสที่จะเกิดอาการของโรคพิษสุนัขบ้าในช่วงสัปดาห์แรกนั้นมีได้น้อยมากครับ และถ้าหากได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเรียบร้อยแล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการติดเชื้อครับ

ในตอนนี้หมอแนะนำให้รับประทานยา ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ตรวจ และสังเกตอาการตามที่หมอได้แนะนำไปก่อนครับ