August 23, 2019 23:30
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
ยาคุมกำเนิดถ้ากินสม่ำเสมอสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ใกล้เคียงร้อยเปอร์เซนต์ครับ แต่ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ครับ ดังนั้นหากกินยาตลอด แม้เป็นช่วงหยุดยา โอกาสตั้งครรภ์ก็แทบไม่มีครับ ส่วนถ้าอยากป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดส่วนใหญ่ได้ แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยด้วยครับ
ผลของการทานยาคุมกำเนิด จะขึ้นกับ เวลาที่เริ่มใช้ และชนิดของยาคุมกำเนิดครับ ถ้าแผงแรกที่เริ่มทาน
-ทานในช่วง5วันแรกของการมีประจำเดือน และยาที่ทานเป็นเม็ดยาฮอร์โมน(ส่วนใหญ่จะมีสี ที่ไม่ใช่สีขาว) จะคุมกำเนิดได้เลยครับ
-ทานในช่วงหลังจาก5วันแรกของการมีประจำเดือน มีผลคุมกำเนิดเมื่อทานเม็ดยาฮอร์โมน ติดต่อกันครบ 7 วันครับ
โดยทั่วไปยาคุมกำเนิด หลักๆจะมี 3แบบครับ
* -แบบ 21เม็ด รับประทานครบ แล้วเว้น7วัน
-แบบ 22เม็ด รับประทานครบแล้วเว้น6วัน
-แบบ 28เม็ด รับประทานต่อเนื่องไปเลยครับ
ซึ่งโดยทั่วไป แบบ 21 หรือ 22 เม็ด ประจำเดือนจะมาในช่วงที่เว้นรับประทานยาไปครับ ส่วนแบบ 28 เม็ด ประจำเดือนจะมาในช่วงที่รับประทานเม็ดแป้งครับ
ทั้งนี้ควรทานยาสม่ำเสมอ และตรงเวลา จะได้มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดมากที่สุดครับ
นอกจากนี้ ยาคุมกำเนิด จะมีผลข้างเคียง ทำให้คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ อารมณ์แปรปรวนได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การรับประทานยาคุมแบบรายเดือนจะรับประทานยาคุมยี่ห้อใดก็ได้เพราะประสิทธิภาพของยาไม่แตกต่างกันครับ
ทั้งนี้อาจแบ่งชนิดของยาคุมรายเดือนแบบคร่าวๆได้เป็น 2 ชนิดคือ
1. ชนิดที่มี 21 เม็ด การรับประทานยาคุมชนิดนี้เมื่อรับประทานยาหมดแผงแล้วจะต้องมีการเว้นการรับประทานยาคุม 7 วันก่อนเริ่มยาแผงใหม่เพื่อให้ประจำเดือนมาในช่วงนี้
2. ชนิดที่มี 28 เม็ด ยาคุมชนิดนี้จะมียาเม็ดแป้งเพิ่มขึ้นมา 7 เม็ด ทำให้สามารถรับประทานยาคุมต่อเนื่องแบบแผงต่อแผงได้โดยไม่ต้องเว้นการรับประทานยา 7 วัน (ช่วงที่รับประทานยาเม็ดแป้ง 7 เม็ดจะเทียบเท่ากับการเว้นการรับประทานยา 7 วันแล้ว) และประจำเดือนก็จะมาในช่วงที่รับประทานยาเม็ดแป้ง
การรับยาคุมทั้ง 2 ชนิดนี้จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เท่ากัน คือ มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 0.3-8% ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการรับประทานยา
และในการเริ่มรับประทานยาคุมครั้งแรกนั้นสามารถเริ่มรับประทานได้ดังนี้ครับ
- ให้เริ่มรับประทานภายใน 5 วันแรกของการ ยาคุมก็จะออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันทีตั้งแต่วันแรกของการรับประทานยา หรือ
- ถ้าหากมั่นใจได้ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ก็สามารถเริ่มรับประทานยาคุมทันทีโดยไม่ต้องรอประจำเดือนได้ แต่ในกรณีนี้ก็จะต้องรับประทานยาคุมติดต่อกันอย่างน้อย 7 วันก่อนยาคุมจึงจะเริ่มป้องกันการตั้งครรภ์ได้ และในช่วง 7 วันแรกที่รับประทานยาก็จะต้องงดการมีเพศสัมพันธ์หรือใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยไปก่อนครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
สุวพัชญ์ พิศาลมงคล (นพ.)
ขอเพิ่มเติมครับ
การคุมกำเนิดมีหลายวิธีครับ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีประสิทธิภาพแตกต่างกันออกไป เช่น
- ยาฝังคุมกำเนิด โอกาสการตั้งครรภ์ร้อยละ 0.05
- ห่วงคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน โอกาสการตั้งครรภ์ร้อยละ 0.1
- การทำหมันถาวรชาย-หญิง โอกาสการตั้งครรภ์ร้อยละ 0.1-0.5
- ห่วงคุมกำเนิดชนิดทองแดง โอกาสการตั้งครรภ์ร้อยละ 0.5
- ยาฉีดคุมกำเนิด โอกาสการตั้งครรภ์ร้อยละ 0.3-3
- ยาเม็ดคุมกำเนิด โอกาสการตั้งครรภ์ร้อยละ 0.3-8
- แผ่นฮอร์โมนปิดผิวหนัง โอกาสการตั้งครรภ์ร้อยละ 0.3-8
- ถุงยางอนามัย โอกาสการตั้งครรภ์ร้อยละ 2-15 เป็นวิธีเดียวที่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เมื่อใช้อย่างถูกวิธี
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
หนูอยากรู้เกี่ยวกับการกินยาคุมกำเนินครั้งแรกค่ะ ควรทานแบบไหนค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)