July 30, 2019 06:04
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
อาการปวดอัณฑะ สามารถเกิดจากได้หลายอย่างครับ
เช่น
1.ร้ายแรงสุด คือ การบิดขั้วของลูกอัณฑะ ( testicular torsion) ซึ่งเป็นภาวะเร่งด่วนที่ต้องไปพบแพทย์ เนื่องจาก หากทิ้งไว้นาน อาจทำให้อัณฑะขาดเลือดมาเลี้ยง ทำให้เนื้อเยือเน่าตาย ต้องตัดอัณฑะอาการคือ การปวด หรือ บวม หรือแดงขึ้นอย่างเฉียบพลันของลูกอัณฑะครับ
2.อุบัติเหตุ/ การกระทบกระแทกที่อัณฑะ เช้น การโดนบีบแรงๆ อุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา อาจทำให้เกิด อันตรายต่อลูกอัณฑะได้ครับ เนื่องจากลูกอัณฑะเป็นบริเวณที่บอบบาง ห่อหุ้มด้วยถุงอัณฑะ ซึ่งเป็นหนังบางๆ เท่านั้น ทำให้การกระทบกระแทก หรืออันตรายเพียงเล็กน้อย สามารถก่อให้เกิดอันตรายกับอัณฑะได้ง่ายครับ สิ่งที่จะทำให้เกิดได้ เช่น อัณฑะฉีกขาด มีเลือดออก มีการอักเสบของท่อน้ำอสุจิ
3.การติดเชื้อ เช้น อัณฑะอักเสบ ท่อนำอสุจิอักเสบ เป็นต้น อาการอาจจะมี ปวด บวม แดง ร้อน หรือมีไข้ได้ครับ
4 การขาดเลือดไปเลี้ยงที่อัณฑะ จากปัญหาของเส้นเลือดต่างๆ
5พบไม่บ่อย เช่น ก้อนที่อัณฑะ. อาการอาจมาด้วยปวด อัณฑะสองข้างไม่เท่ากัน เป็นต้นครับ
ดังนั้น หากมีอาการปวดมาก คลื่นไส้อาเจียน อัณฑะบวม แดง หรือมีไข้ ให้รีบไปพบแพทย์ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อย่างตอนนี้ไม่เป็นไข้ อัณฑะไม่บวมแดง ไม่อาเจียน แต่แค่หน่วงๆไม่รู้สึกสบายตัวเฉยๆ ทำยังไงดีครับคุณหมอ
สวัสดีครับ รบกวนถามคุณหมอว่า ผมมีอาการหน่วงๆและปวดเล็กน้อยที่บริเวณถุงหรือลูกอัณฑะ มาประมาณ 4 วันเต็มแล้ว คาดว่าอาการน่าจะเกิดจากการช่วยตัวเองและกระแทกโดนลูกอัณฑะ ปกติเวลาช่วยตัวเองจะไม่ชักขึ้นลงเหมือนผู้ชายทั่วไป แต่ผมจะใช้มือถูเบียดอัณฑะไปมา ปกติทำแบบนี้มาตลอดก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร จนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่มีอาการแบบนี้ เมื่อครั้งแรกเป็นและหายไปเองประมาณ 4 วัน แต่ครั้งนี้ยังไม่หาย จึงสงสัยว่าเกิดจากสาเหตุนั้นหรือไม่ หรือเป็นเพราะเหตุใด ตอนนี้วิตกจริตมาก จะไปตรวจก็อายหมอ ขออภัยที่อธิบายอาการตรงๆครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)