January 14, 2019 10:28
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ
ถ้าคนไข้ไม่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เลยหรือตรวจการตั้งครรภ์แล้วไม่พบการตั้งครรภ์ปัจจัยที่จะทำให้ประจำเดือนที่เคยมา แล้วไม่มา หรือผิดปกติ มีหลายอย่างค่ะ ตัวอย่าง เช่น
1.ความเครียด การอดอาหารนานๆ และการออกกำลังกายอยางหักโหมมากเกินไป ทำให้ประจำเดือนขาดได้ค่ะ พบได้บ่อยที่สุด
2.การใช้ยาฮอร์โมนต่างๆ เช่น ยาคุมกำเนิด แบบฉีด หรือยาบางอย่าง เช่น ยารักษาโรคทางจิตเวช
3.โรคทางระบบสืบพันธ์บางชนิด เช่น ถุงน้ำรังไข่ ( PCOS) อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติได้ หรือ การ ติดเชื้อ ทางเพศสัมพันธ์ อาจมำให้มีอาการปวดท้อง หรือ ตกขาว ที่ผิดปกติได้ ซึ่ง คใรไปพบแพทยืดพื่อตรวจร่างกาย
4.ฮอร์โมน ไทรอยด์ผิดปกติ ซึ่งจะต้องทีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ใจสั่น กินจุ น้ำหนักลด หรือ ฮอร์โมนจากรังไข่ผิดปกติ อาจทำให้ไม่เกิดการตกไข่ ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่มา หรือมาแบบกระปริบกระปรอย เป็นต้นค่ะ
5. โรคทางการกินที่ผิดปกติ (anorexia) ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชอย่างหนึ่ง หากอดอาหาร หรือทานอาหารไม่ถูกวิธีนานๆ จะทำให้ขาดประจำเดือนได้ค่ะ
ถ้าคนไข้มีอาการต่างๆที่ผิดปกติดังที่กล่าวไป แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหรือตรวจภายในเพิ่มเติมนะคะ
หากประจำเดือนมาล่าช้ากว่าปกติ และไม่ได้เป็นมาติดต่อกันนานเกิน 3 ครั้ง ก็ให้รอดูอาการก่อนได้ค่ะ หากเกิน 3 เดือนประจำเดือนไม่มา แนะนำให้ไปตรวจร่างกาย และตรวจภายในเพิ่มเติมนะคะ
อนึ่ง การทำใจให้สบาย พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ระมัดระวังเรื่องการใช้ยาหรืออาหารเสริมที่แพทย์ไม่ได้สั่ง และออกกำลังกาย จะช่วยให้สมดุลฮอร์โมนดีและทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอค่ะ
อย่างไรก็ตาม เนืองจากมีอาการปวดผิดปกติตอนปัสสาวะด้วยแล้ว หมออยากให้คนไข้ ตรวจเพิ่มเติม เกี่ยวกัยอาการปัสสาวะแสบขัดด้วยนะคะ ว่าเกี่ยวข้องกับอาการประจำเดือนไม่มานี้หรือไม่ค่ะ
อาการแสบอวัยวะเพศเมื่อปัสสาวะ อาการเกิดได้จาก
1.การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน แผลริมอ่อน เป็นต้น โดยอาการจะมี แสบเมื่อปัสาาวะ อาจมีหนองไหลจากท่อปัสสาวะ หรือมีแผลรอบๆอวันวะเพศได้ค่ะ
**2.การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เช่นทกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นต้น อาจเกิดจาก เชื้อ แบคทีเรีย หรือ ไวรัส ก็ได้ ความเสี่ยงคือ คนไข้ผู้หญิง ผู้ที่ชอบอั้นปัสสาวะบ่อยๆ อาการนอกจากแสบเวลาปัสสาวะแบ้ว อาจมีปัสสาวะกระปริบกระปรอย กลั้นไม่ได้ได้ด้วยค่ะ
กรณีสองนี้ พบบ่อยที่สุดค่ะ
ข้อแนะนำเบื้องต้น คือ ควรได้รับการตรวจร่างกาย เพิ่มเติม อาจจะต้องตรวจปัสสาวะ และได้รับยาฆ่าเชื้อค่ะ ช่วงนี้แนะนำว่าให้ดื่มน้ำมากๆ และงดกลั้นปัสสาวะนะคะ
โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ถ้าเป็นไม่มาก ก็อาจจะเป็นเพียงกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แต่หากคนไข้ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ชอบกลั้นปัสสาวะ เป็นต้น และไม่รักษา อาจทำให้ลุกลามไปถึง กรวยไตและไตได้ค่ะ
3.อุบัติเหตุการกระทบกระทกต่อท่อปัสสาวะค่ะ เช่น การทีเพศสัมพันธฺที่รุนแรง เป็นต้น
แนะนำว่า หากปวดมาก หรือมีอาการผิดปกติ เข่น ปัสสาวะขัด มีไข้ มีหนอง ให้ไปพบแพทย์ค่ะ
การรักษา ควรรักษา ตามสาเหตุค่ะ เช่น การให้ยาฆ่าเชื้อ ในกลุ่ม โรค ติดเชื้อ ทางเดินปัสสาวะ และ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และ แนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ งดการกลั้นปัสสาวะ ใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
หรือ การตรวจดูบาดแผลจากการกระทบกระแทกทางเดินปัสสาวะ เพื่อให้ยาหรือ เย็บแซม ซึ่งต้องตรวจร่างกายอีกครั้งค่
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สอบถามหน่อยนะคะ ประจำเดือนไม่มา 3-4 เดือน แล้วค่ะ ตรวจก็ไม่มีการตั้งครรภ์ค่ะ แต่มีผลข้างเคียงค่ะ อาเจียน เหนื่อยง่าย เครียด เวลาปัสาวะชอบเจ็บเก๊งๆตรงท้องน้อยฝังขวา เกิดจากอะรัยคะ. ต้องรักษายังงัยบ้างคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)