May 19, 2018 07:51
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
จากประวัติที่กล่าวมา มีปวดศีรษะข้างเดียว บางครั้ง2ข้าง ปวดมาเป็นเวลานาน ปวดมากขึ้นเมื่อมีปัจจัยกระตุ้น คืออากาศหนาว เสียงดัง แสงแดด ตากฝน หมออาจคิดถึงโรคไมเกรนค่ะ โดยผู้ป่วยมักจะปวดข้างเดียว ปวดตุบๆ มีคลื่นไส้อาเจียน ไวต่อแสง เสียง กลิ่น ตาพร่ามัว เป็นต้น เบื้องต้นให้หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นเหล่านี้ เนื่องจากโรคไมเกรนเป็นโรครักษาไม่หายขาด สำหรับอาการปวดให้กินยาบรรเทา เช่น Paracetamol หรือถ้าไม่ได้ผลอาจกิน Ibuprofen Tamadol เป็นต้นค่ะ ถ้าเป็นบ่อยครั้งเป็นมากอาจต้องกิน Ergotamine Sumatriptan ป้องกัน แต่ควรกินตามคำแนะนำแพทย์ค่ะ ไม่ควรซื้อมากินเองค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
สารินทร์ สีหมากสุก (นพ.)
สำหรับอาการปวดศีรษะนั้น เกิดได้จากหลายสาเหตุครับ ทางการแพทย์อาจจะแบ่งคร่าวๆ ได้ดังนี้ครับ คือกลุ่มที่มีสาเหตุ/รอยโรคของการปวดศีรษะ และจากตัวโรคนั้นๆเอง
กลุ่มแรกคือ กลุ่มโรคที่ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติทางกายวิภาค เช่น ในสมองหรือนอกสมองไม่มีความผิดปกติ แต่ตัวโรคนั้นทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ อาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า primary headache และส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยที่มีอาการปวดศีรษะมักมาจากในกลุ่มนี้มากกว่า เช่นโรค ไมเกรน, Tension headache, Cluster headache เป็นต้น ซึ่งมักจะไม่เป็นอันตรายแต่อาจจะรบกวนชีวิตประจำวันได้ แพทย์จะพิจารณายาบรรเทาอาการปวดศีรษะตามสาเหตุและความรุนแรงให้ครับ
ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มทีมีสาเหตุชัดเจนทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้แก่
1.สาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากในกระโหลกศีรษะ
2.สาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากนอกกระโหลกศีรษะหรือรอบๆ เช่น ไซนัส หลอดเลือด กล้ามเนื้อ เส้นประสาท รวมไปถึงความเจ็บป่วยทาง systemic เป็นต้น ซึ่งสาเหตุในกลุ่มนี้จะมีรอยโรคอื่นๆ ที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะตามมา อาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า secondary headache
แต่ที่อันตรายจะเป็นกลุ่มสองหรือกลุ่มที่มีรอยโรคที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ยกตัวอย่างเช่น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ, เส้นเลือดในสมองมีความผิดปกติทั้งแตก/ตีบ/ตัน, มะเร็งสมอง เป็นต้น ซึ่งเราอาจไม่ต้องทำการวินิจฉัยเอง แพทย์จะเป็นคนวินิจฉัย แต่อาจสังเกตอาการของตัวเองได้ อาการที่สำคัญในกลุ่มนี้หรือสัญญาณเตือนอันตราย (Ref flag sign) ได้แก่ ปวดหัวแบบรุนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน , ปวดจนต้องตื่นขึ้นมา, ปวดแบบทันทีทันใด, ปวดแบบค่อยเป็นค่อยไป ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ, อาการปวดศีรษะนั้นไม่ตอบสนองต่อยารักษา, ปวดศีรษะร่วมกับมีอาการทางระบบประสาท เช่น แขนขาอ่อนแรง/ชา, ปวดศีรษะ คอแข็ง, ปวดศีรษะชนิดความดันในกระโหลกสูงขึ้น เช่น มีคาพร่ามัว, ประสาทจอตาบวม, อาเจียนพุ่ง, เป็นมากช่วงเช้า เป็นต้น ซึ่งถ้าหากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจและวินิจฉัยอย่างเร่งด่วนครับ
ดังนั้นจะเห็นว่าอาการปวดศีรษะที่กล่าวมานั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุมากๆครับ ข้อมูลที่ให้มานั้นน้อยมากๆ ไม่สามารถวินิจฉัยได้ แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อทำการซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียดก่อนนะครับ หรือแนะนำว่าควรสอบถามกับแพทย์ ณ ตอนนัน้เลยครับ ว่าเป็นอะไรหรือสงสัยว่าเป็นโรคใดครับ แต่จากอาการที่เล่ามา และแพทย์จ่ายให้แค่พาราเซตามอลและยาคลายกล้ามเนื้อ เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นโรคในกลุ่ม Primary headache ครับ อย่างไรก็ตามลองไปพบแพทย์ใหม่อีกรอบก่อนนะครับ เพราะอาการปวดศีรษะคราวนี้ อาจจะไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียวกันกับครั้งก่อนหน้านี้ก็ได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ผมมีอาการคือปวดหัวบ่อยมากคับ ปวดหัวข้างเดียวหรือบางครั้งก็สองข้างคับผมปวดบ่อยมาประมาณ 5 ปีแล้วคับ อาการคือ ถ้าหนาวก็จะปวดคับ ถ้ามีเสียงดังๆมากก็จะปวด ถ้าอยู่กลางแสงแดดก็จะปวดคับและ ตากฝนก็จะปวดคับ เวลาปวดผมต้องนอน ปิดตาและปิดหูเพื่อไม่ไห้ได้ยินเสียงคับ ผมไปโรงพยาบาลมาแล้วคับ หมอเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ไห้ยา แค่ พารา กับยา คลายกล้ามเนื้อคับ ผมอายุ14คับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)