April 22, 2019 16:57
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การที่มีอารมณ์เศร้า ร้องไห้ง่าย น้อยใจง่ายอยู่บ่อยๆ รู้สึกเบื่อสิ่งต่างๆ อยากอยู่คนเดียวหรืออยากหายไปนั้นอาจเป็นอาการที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ
อาการของโรคซึมเศร้านั้นจะประกอบด้วยการมีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ร่วมกับมีอาการ
- นอนไม่หลับหรืออยากนอนมากขึ้น
- เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น
- อ่อนเพลียไม่มีแรง
- ไม่มีสมาธิ ความคิด ความจำแย่ลง
- คิดช้าทำช้าลงหรือกระสับกระส่ายมากขึ้น
- มีความคิดในแง่ลบ คิดโทษตัวเองบ่อยๆ หรือเห็นคุณค่าในตนเองลดลง
- เคยคิดหรือลงมือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
ถ้าหากมีอาการในลักษณะนี้หลายๆข้อ ร่วมกับอาการที่เป็นส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้นครับ
ในเบื้องต้นนั้นอาจลองทำแบบทดสอบตามลิงค์นี้เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าด้วยตนเองก่อนได้ครับ
http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html
ถ้าหากทำได้ตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไปก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น
หมอแนะนำว่าในกรณีนี้ควรไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมเพื่อยืนยันสาเหตุให้แน่ชัดก่อน เพื่อที่จะได้ให้การรักษาต่อไปได้อย่างเหมาะสมครับ
และถ้าหากต้องการคำปรึกษาในเบื้องต้นเพิ่มเติมก่อนไปพบแพทย์ก็สามารถโทรไปที่สายด่วนสุขภาพจิตเบอร์ 1323 ได้อีก 1 ช่องทางครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
จากที่เล่ามาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับที่บางครั้งเรามีความรู้สึกกับคำพูดบางอย่างของคุณแม่ เพราะการที่คุณพ่อคุณแม่แยกทางกันอาจเป็นสิ่งที่ฝังใจคุณ และคุณอาจจะยังมีความรู้สึกเหล่านี้หลงเหลืออยู่ภายในจิตใจก็ได้นะครับ โดยปกติแล้วเรื่องการที่พ่อแม่แยกทางกันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่ สำหรับตัวลูกหรือ ดังนั้นการที่คุณจะได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสมหรือการที่คุณพ่อและคุณแม่ยังเป็นที่พึ่งและให้คำปรึกษาหรือการดูแลเพื่อทำให้คุณสามารถผ่านพ้นช่วงการเปลี่ยนผ่านตรงนี้ไปได้ครับ
หากคุณรู้สึกว่ายังต้องการที่จะเล่า หรือระบายเรื่องตรงนี้ออกมา ก็อยากจะแนะนำให้ลองพุดคุยกับนักจิตวิทยา หรือแม้กระทั่งลองเริ่มต้นพูดคุยกับคุณแม่หรือคุณพ่อของคุณหากคุณไว้ใจพวกเขามากพอที่จะเล่าเรื่องราวในใจของคุณออกมา การที่ได้ระบายความรู้สึกตรงนั้นออกมาบ้างผมคิดว่าน่าจะช่วยบรรเทาความรู้สึกน้อยใจหรือความรู้สึกบางอย่างในตัวคุณได้นะครับ
นอกจากนั้นแล้วผมอยากให้คุณ ลองหากิจกรรมสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาที่ตนเองจะรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือรู้สึกสนุกผ่อนคลายให้ และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ความเครียดลดลงได้ คล้ายๆกับการพักฟื้นให้สภาพจิตใจของตนเองค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งการดูแลตนเองควบคู่กันไปด้วยกับการรับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต น่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับการเปลี่ยนผ่านจุดนี้ของคุณครับ ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
สุดท้ายนี้หากรู้สึกว่าต้องการจะพูดคุยกับใครซักคนหนึ่งแต่ยังไม่ต้องการที่จะพบกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณจะสามารถโทรเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ซึ่ง ข้อเสียคืออาจจะต้องมีการรอสายที่นานในบางช่วงเวลานะครับ และหากมีข้อคำถามอื่นๆก็สามารถสอบถามเข้ามาได้นะครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
ความผิดปกติ ของความคิด อารมณ์ พฤติกรรม เป็นผลมาจากสารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ และในกรณีของหนูปัญหาครอบครัวอาจเป็นตัวกระตุ้นทำให้สภาวะทางอารมณ์ผิดปกติ
ซึ่งจากอาการที่เล่ามาบวกกับการมีปัญหาในครอบครัว อาจบ่งถึงภาวะซึมเศร้าได้ค่ะ
อาการของซึมเศร้า ได้แก่
1.เบื่อหน่าย ไม่มีความสุข
2.ท้อแท้ เศร้า
3.อ่อนเพลีย
4.มีปัญหาการนอน นอนไม่หลับ /หลับมากเกินปกติ
5.เบื่ออาหาร/ทานมากเกินปกติ
6.ขาดสมาธิ
7.กระสับกระส่าย
8.รู้สึกผิด ไร้ค่า
9.มีความคิดอยากตาย คิดทำร้ายตัวเอง
หากมีอาการต่อเนื่องทุกวัน มากกว่า 7 ข้อ ก็มีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า
การรักษาจำเป็นต้องใช้ยาเพื่อปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ทำให้ควบคุมความคิด อารมณ์ พฤติกรรมต่างๆได้ สามารถปรับตัวกับปัญหาได้เหมาะสมมากขึ้น นอกจากนั้นอาจต้องใช้วิธีการทำจิตบำบัดเพื่อให้ยอมรับปัญหาและสามารถจัดการกับปัญหานั้นได้ด้วยวิธีที่เหมาะสมค่ะ
ในระหว่างรักษาควรทานยาสม่ำเสมอ ไม่ปรับยาหรือหยุดยาเอง หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง อาการจะค่อยๆดีขึ้นนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
เรามีอากการน้อยใจง่ายมากๆ เลยค่ะโดยเฉพาะเวลาที่แม่พูดอะไรที่เหมือนเป็นการให้ความหวังบางทีน้ำตาก็ไหลออกมาแบบห้ามไม่อยู่ก็รู้สึกเบื่ออยากจะอยู่คนเดียวหรือหายไปที่ไหนซักที่ หรือเรื่องนี้เป็นเพราะเราขาดความอบอุ่นพ่อแม่แยกทางกัน บางทีก็รู้สึกแบบเราโตแล้วนะทำไมถึงเป็นแบบนี้วะ เราอายุ17 ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)