เมื่อประมาณวันที่ 6 ตุลาคม 2561 ดิฉันได้มีอาการ ปวดปัสสาวะแบบอั้นไม่อยู่ ไม่มีอาการปวดท้องใดๆร่วมด้วย แต่มีอาการปวดปัสสาวะตลอดเวลา..มีอาการคันมากๆที่ภายในช่องคลอด และมีอาการแสบๆเสียวๆเวลาปัสสาวะ พอตกดึกดิฉันจึงลองนั่งปัสสาวะไปเรื่อยๆ และเบ่งปัสสาวะเหมือนอยากให้ ปัสสาวะออกให้หมด แต่แล้วลิ่มเลือดก็หลุดออกมาด้วย.. แต่ต่างจากลิ้มเลือดก้อนนั้นหลุดออกไป อาการแสบคันก็หายไป เป็นเหมือนอาการคนปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มีอาการปวดท้องน้อยทางซีกซ้าย ปวดจี๊ดแต่ไม่หนักมากพอทนไหว เช้าวันรุ่งขึ้น ดิฉันจึงตัดสินใจไปพบแพทย์ทั่วไป ที่คลีนิคแถวบ้าน คุณหมอให้ตรวจปัสสาวะ ผลออกมาปกติดี คุณหมอจึงสันนิษฐานว่าดิฉันอาจเป็นนิ่ว ให้รับประทานน้ำเยอะๆและไม่อั้นฉี่ และให้ยามารับประทาน แต่ดิฉันไม่ได้รับประทานยาค่ะ เพราะคิดว่าหายแล้วเลยไม่ได้ทาน และวันนี้ วันที่ 22 ตุลาคมช่วงกลางดึก ดิฉันได้มีอาการปวดท้องน้อยทั่วทั้งท้องน้อย แต่ไม่มากพอทนได้ ดิฉันจึงไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับอาการที่ยังเป็นนิ่วค้างคาอยู่หรือไม่ หรือเป็นโรคอย่างอื่นที่น่าสงสัยค่ะ?? ปล.ประจำเดือนมาวันที่ 20 และหมดวันที่ 24 กันยายน 2561 +มีเซ็กส์วันที่ 30 กันยายน 2561 (แบบป้องกัน) #ปัจจุบันประจําเดือนล่าช้ามา 4 วันแล้ว +มีเซ็กส์เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2561 (แบบไม่ป้องกัน) และมีเซ็กส์เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2561 (แบบป้องกัน) +มีคู่นอนคนเดียว

สวัสดีค่ะ อาการปัสสาวะมีเลือดปน เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ เช่น 1.อาการของระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น - ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ สาเหตุนี้พบได้บ่อยที่สุด อาจพบมีปัสสาวะแสบขัด หรือขุ่น อาจมีไข้ หรือถ้าติดเชื้อลามไปที่กรวยไต จนเกิดโรคกรวยไตอักเสบ มักจะพบมีไข้สูง และปวดหลังร่วมด้วย สามารถพบปัสสาวะมีเลือดปนได้ สามารถตรวจวินิจฉัยได้จากการตรวจปัสสาวะ การรักษาคือให้ยาฆ่าเชื้อ - อาการของโรคนิ่ว ในท่อไต นิ่วในไต หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ สามารถพบว่ามีการปัสสาวะเป็นเลือดได้. อาการจะขึ้นกับตำแหน่งของนิ่วที่เป็น เช่น นิ่วในท่อไตจะรู้สึกปวดแบบบีบๆที่ท้องบริเวณสีข้าง. และร้าวไปถึงด้านหลัง ปวดแบบเหมือนโดนบีบ บางครั้งพบมีอาการปวดร้าวมาที่ท้องน้อยได้ค่ะ นิ่วในกระเพาะตรวจปัสสาวะอาจพบมีเม็ดเลือดแดงปนมากับปัสสาวะ ปวดท้องน้อย หรือปัสสาวะมีลิ่มเลือดปน การตรวจเอกซเรย์สามารถพบนิ่วได้ การรักษาเบื้องต้น สามารถใช้ยาลดอักเสบแก้ปวดมาบรรเทาอาการได้ การรักษานิ่ว มีหลายแบบขึ้นกับตำแหน่งและลักษณะของนิ่ว เช่น การยิงสลายนิ่วด้วยคลื่นกระแทก การผ่าตัดนิ่วในไตออก เป็นต้น - เนื้องอกในระบบทางเดินปัสสาวะ เช่นไต กระเพาะปัสสาวะ สามารถมาด้วยอาการปัสสาวะเป็นเลือดได้เช่นกันค่ะ - โรคไตอักเสบ ที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายตัวเอง มาทำลายเนื้อเยื่อของไต อาการพบว่า ปัสสาวะเป็นสีแดง ตาบวมขาบวม ความดันโลหิตสูง เป็นต้นค่ะ 2. โรคที่เกี่ยวกับระบบการแข็งตัวของเลือด เช่น โรคเลือดออกผิดปกติจากภูมิคุ้มกัน โรคตับแข็ง โรคไตวายเรื้อรัง ที่ส่งผลต่อระบบการแข็งตัวของเลือด สามารถพบได้ว่ามีปัสสาวะเป็นเลือดได้ แนะนำว่า ควรไปพบศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการปัสสาวะเป็นเลือดนี้ค่ะ