June 20, 2019 20:09
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ในปัจจุบันไม่มีคำแนะนำว่า "ห้ามใช้ยาคุมฉุกเฉินเกินเดือนละ 2 แผง" แล้วค่ะ เนื่องจากผลการศึกษาชี้ชัดแล้วว่าการใช้ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงของการตั้งครรภ์นอกมดลูกเหมือนที่เคยกังวลในอดีต
แต่เนื่องจากประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงมาก การนำมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติ เช่น ใช้ยาคุมฉุกเฉินเพียงเพราะไม่อยากใส่ถุงยาง หรือเพียงเพราะไม่อยากรับประทานยาคุมรายเดือน จะมีโอกาสป้องกันไม่สำเร็จและตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้มากกว่าหลายเท่า
ส่วนการใช้ในกรณีที่ฉุกเฉินจริง ๆ เช่น ถูกข่มขืน, ถุงยางฉีกขาด หรือลืมรับประทานยาคุมรายเดือนจนไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง ถือว่าเหมาะสมและสามารถใช้ซ้ำได้ทุกครั้งที่จำเป็นค่ะ
ในกรณีของผู้ถาม การหลั่งนอกเป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพต่ำ โดยทั่วไปถือว่ามีโอกาสผิดพลาดและตั้งครรภ์ได้สูง 22% จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์นะคะ
หากต้องการลดความเสี่ยงดังกล่าว แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยรับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียวได้ นั่นคือ ถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว หรือถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ดก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียว
จากนั้น ควรงดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน แล้วรอดูว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติหรือไม่ (ไม่ต้องสนใจว่าจะมีเลือดกะปริบกะปรอยภายใน 7 วันหลังรับประทานหรือเปล่า เพราะเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งไม่ได้สำคัญอะไร)
ถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือกังวลว่าจะตั้งครรภ์ สามารถตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ปัสสาวะแรกของวัน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งนอกนั้นอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ ทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% ครับ ในกรณีที่ต้องการป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีที่ได้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันไปแล้วก็สามารถทำได้ 2 วิธี คือ
1. รับประทานยาคุมฉุกเฉิน เป็นวิธีที่สามารถทำได้ง่ายและมีราคาถูก โดยการรับประทานยาคุมฉุกเฉินให้ได้ผลดีก็ควรรับประทานให้เร็วที่สุดภายในเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลวได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ และถึงแม้จะเคยรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วแต่ถ้ามีความจำเป็นก็ยังสามารถรับประทานอีกได้ครับ
2. ใส่ห่วงคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ วิธีนี้เป็นวิธีการป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีผลข้างเคียงน้อยกว่าและมีประสิทธิภาพดีกว่าการรับประทานยาคุมฉุกเฉินและยังสามารถใช้เป็นการคุมกำเนิดในระยะยาวได้ด้วย โดยการป้องกันการตั้งครรภ์วิธีนี้จะสามารถลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 99.4% แต่อาจมีข้อเสียที่ต้องทำโดยแพทย์สูตินรีเวชในโรงพยาบาลเท่านั้นและจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
พิชญาพร กูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ
ยาคุมฉุกเฉินนั้น สามารถทานได้หลายครั้งค่ะ หากไม่ได้ป้องกันใดๆไว้ กรณีที่ยังไม่เกิน 120ชั่วโมง แนะนำทานยาคุมฉุกเฉินอีกครั้งให้เร็วที่สุดค่ะ (หากเกินแล้วยาจะไม่มีผล)
เนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกันมีโอกาสในการตั้งครรภ์สูงค่ะ
แม้แต่น้ำหล่อลื่นของเพศชายก็อาจมีเชื้ออสุจิปนอยู่ได้ค่ะ มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 4-22% (หลั่งนอก)
โดยการรับประทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 24 ชม จะช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์ค่ะ แต่ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 10-15%
และ ภายใน 72 ชม มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15-20% ค่ะ
การกินยาคุมฉุกเฉิน มีผลทำให้เลือดออกกะปริดกระปอยได้เล็กน้อยค่ะ อย่าสับสนกับเลือดประจำเดือนนะคะ
**แนะนำตรวจการตั้งครรภ์ด้วยปัสสาวะ ซึ่งจะตรวจได้เองหลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 14 วัน จึงจะแปลผลน่าเชื่อถือค่ะ
ทั้งนี้หากยังไม่พร้อมตั้งครรภ์ แนะนำการคุมกำเนิดโดยวิธีการทานยาคุมรายเดือน การใส่ห่วง การสวมถุงยางอนามัย การฉีดยาคุมกำเนิด และการฝังยาคุมกำเนิด เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ควรศึกษาถึงข้อดีข้อเสีย วิธีการใช้อย่างถูกต้อง และความเหมาะสมของตนเอง เพื่อการคุมกำเนิดอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ขออนุญาตแนะนำเพิ่มเติมนะคะ
ในกรณีนี้ ผู้ถามมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 15 มิถุนายนเช่นกัน (แม้จะรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วก็ตาม) จึงไม่แนะนำให้คุมกำเนิดฉุกเฉินด้วยการใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดงค่ะ เนื่องจากเกิน 120 ชั่วโมงจากเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งนั้นไปแล้ว
ดังนั้น แม้ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินจะต่ำกว่าการใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดง แต่ผู้ถามก็จำเป็นจะต้องใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรองค่ะ และเพื่อให้มีประสิทธิภาพดี แนะนำให้รับประทานโดยเร็วที่สุดที่ทำได้นะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะ หนูมีอะไรกับเเฟนครั้งเเรกเมื่อ15มิย.ตอน9โมงเช้าเเละไม่ใส่ถุงเเละหลั่งนอกเเต่หนูไม่มั่นใจเลยไม่ซื้อยาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียวมากินในวันที่17มิย.ตอน6โมงเย็นเเละมีอะไรกันครั้งที่2ในวันที่19มิย.ตอนเที่ยงวันที่19มิย.เป้นวันที่ไข่ตกพอดีหลั่งนอกเหมือนเดิมค่ะประจำเดือนหนูจะมาในวันที่4ของทุกเดือนซึ่งหนูกลัวผลข้างเคียงของยาฉุกเฉินว่าไม่ให้กินเกิน2ครั้งเพราะครั้งเเรกหนูกินไปแล้วครั้งที่2 หนูควรกินไหมค่ะหนูกลัวท้องด้วยต้องทำยังไงค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)