สวัสดีครับคุณหมอ พอดีเมื่อวันที่26/01/62 ผมโดนสุนัขจรที่โรงเรียน มาดมที่แผล (แต่เป็นสุนัขปกติครับ) พอดมแล้ว วันนี้ที่30/01/62 ผมมีอาการมีไข้ น้ำมูกไหล คันผิวหนัง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหัว จะมีติดเชื้อพิษสุนัขบ้าหรือเชื้อแบคทีเรีย ไหมครับคุณหมอ ผมฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าเมื่อวันที่ 29/01/62 ครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ ผมเครียดมากเลยครับ(ตรงที่วงสีแดงวงไว้คือจุดที่สุนัขดมนะครับ

สวัสดีครับ
จากรูปที่แนบมานั้นหมอยังไม่เห็นแผลที่ชัดเจนนะครับ เมื่อประกอบกับประเด็นที่ว่าถูกสุนัขดมเท่านั้นโดยไม่ได้มีการสัมผัสกับน้ำลายสุนัขโดยตรง รวมถึงได้ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้ามาแล้ว จึงถือว่ามีโอกาสที่จะติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้ต่ำมากๆครับ

นอกจากนี้อาการมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ มีน้ำมูก ก็ไม่ใช่อาการของโรคพิษสุนัขบ้าครับ อาการเหล่านี้โดยส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากไข้หวัด การติดเชื้อในทางเดินหายใจ หรือการติดเชื้อไวรัสทั่วไปมากกว่าครับ

หมอแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมก่อน เพื่อที่จะได้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดครับ

ถ้าหากผิวหนังมีการติดเชื้อแบคทีเรียจะต้องมีลักษณะบวมแดง มีหนอง หรือมีน้ำเหลืองไหลซึมออกมาจากแผลครับ ซึ่งถ้าดูจากรูปที่แนบมานั้นหมอยังไม่คิดว่าจะมีการติดเชื้อแบคทีเรียครับ

อาการคันผิวหนังที่เกิดขึ้นจึงมีโอกาสที่จะเกิดจากสาเหตุอื่นๆมากกว่า เช่น อาการคันในช่วงแผลใหล้หาย ผิวหนังแห้ง อาการแพ้ของผิวหนัง เป็นต้นครับ

โดยปกติแล้วเชื้อพิษสุนัขบ้าจะอยู่ในน้ำลายเป็นหลักครับ ในกรณีที่โดนน้ำจากจมูกจะไม่ทำให้ติดเชื้อ รวมถึงตัวคุณเองก็ได้ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าไปแล้วจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการติดเชื้อพิษสุนัขบ้าครับ

ในตอนนี้ไม่ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นอย่างไรคุณก็ได้ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าไปเมื่อวันที่ 29 มกราคมแล้วจึงไม่ต้องกังวลครับ

ส่วนการสัมผัสถูกจมูกสุนัขนั้นเป็นไปได้ยากมากๆที่จะทำให้ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าครับ เนื่องจากเชื้อพิษสุนัขบ้าจะอยู่ในน้ำลายของสุนัขเป็นหลัก

ยิ่งถ้าหากไม่ได้มีการสัมผัสโดนแผลเลยก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะติดเชื้อพิษสุนัขบ้าครับ

อาการคันผิวหนังไม่มีความเกี่ยวข้องกับโรคพิษสุนัขบ้าครับ แต่สิ่งที่สำคัญว่าจะติดเชื้อพิษสุนัขบ้าหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าได้สัมผัสน้ำลายสัตว์ในรูปแบบไหน และได้ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าแล้วหรือไม่มากกว่าครับ

ถ้าหากได้ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าแล้วก็จะมีโอกาสติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้น้อยมากครับ และในกรณีนี้คุณก็ไม่ได้สัมผัสกับน้ำลายของสุนัขโดยตรงจึงไม่จำเป็นต้องกังวลครับ

ไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไรอยู่ครับ

ในกรณีนี้หมอต้องขอทราบชื่อโรคประจำตัวที่คุณเป็นอยู่ก่อนจึงจะสามารถให้ข้อมูลได้ครับ

การเป็นโรคภูมิแพ้ไม่มีผลให้ความเสี่ยงในการติดโรคพิษสุนัขบ้าเพิ่มขึ้นครับ

โรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำนั้นมีหลายชนิดและแต่ละชนิดก็จะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อที่แตกต่างกันครับ

ส่วนโรคภูมิแพ้นั้นไม่ใช่โรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ จึงไม่ได้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อใดๆเพิ่มครับ

ความเครียด ความวิตกกังวลที่มากเกินไปอาจส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานแย่ลงได้บ้าง แต่จะไม่ได้แย่จนถึงขั้นทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อพิษสุนัขบ้ามากขึ้นครับ

และถ้าหากได้ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าจนครบตามนัดก็จะทำให้มีภูมิคุ้มกันต่อโรคพิษสุนัขบ้าและมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้น้อยมากๆครับ

1. จากเหตุการณ์ที่คุณเล่ามาทั้งหมด มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้น้อยมาก จึงไม่ควรต้องกังวลเรื่องการติดเชื้อพิษสุนัขบ้าครับ

2. ในกรณีที่มีการติดเชื้อพิษสุนัขบ้าจริง ตัวเชื้อจะไม่ออกมาทางน้ำลายตั้งแต่ 2-3 วันแรกหลังได้รับเชื้อ ส่วนมากจะต้องใช้เวลาเป็นเดือน การที่พ่อแม่สัมผัสน้ำลายของคุณจึงไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อพิษสุนัขบ้าครับ

3. อาการของโรคพิษสุนัขบ้าที่ทำให้เกิดสมองอักเสบนั้นจะรุนแรงมากจนทำให้เกิดอาการสับสน ไม่รู้ตัว หมดสติได้ การที่คุณรู้สึกกระวนกระวายแต่ยังสามารถมีสติดีพอที่จะถามคำถามต่างๆได้จึงไม่ควรที่จะเกิดจากอาการของโรคพิษสุนัขบ้า แต่มีโอกาสที่จะเกิดจากความกังวลที่มากเกินไปมากกว่าครับ

โดยสรุปคือจากที่หมออธิบายมาทั่งหมดตั้งแต่คำตอบแรกนั้น คุณมีโอกาสที่จะติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้น้อยมาก คุณจึงไม่ควรที่จะต้องกังวลกับเรื่องนี้ครับ