December 13, 2018 20:35
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ อาการปวดประจำเดือน มีสาเหตุการเกิดสองแบบ ได้แก่
แบบแรก คือ เกิดจากการหดตัวของมดลูก เพื่อขับเลือดประจำเดือน สามารถเกิดได้เป็นปกติค่ะ โดยอาการอาจจะเกิดขึ้น ก่อนมีประจำเดือน 1-2 วัน และในช่วงการมีประจำเดิอน โดยเฉพาะ 12-72 ชมแรกค่ะ อาการปวด จะปวดแบบบีบๆ เหนือหัวหน่าว บางคนอาจร้าวไปหลังได้ด้วย และร่างกาย อาจหลั่งสารความเจ็บปวดออกมา ทำให้มีอาการตามระบบร่วมด้วย เช่น ปวดศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศรีษะ ท้องเสียถ่ายเหลว เป็นต้นค่ะ
แบบที่สอง คือ การปวดประจำเดือนทีมีสาเหตุมาจากความผิดปกติขอวระบบสืบพันธ์สตรีอื่นๆ เช่น เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอก ในมดลูก หรือการติดเชื้อ เป็นต้น ผู้ป่วยอาจประสบปัญหา เช่น ปวดมากจนรบกวนการเรียน / การทำงาน ปวดจนพักไม่ได้ ปวดนานไม่หาย มีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ มีบุตรยาก หรือมีตกขาวผิดปกติได้ค่ะ
คำแนะนำเบื้องต้น เมื่อมีประจำเดือนและมีอาการปวดประจำเดือนคือ
1.ทานน้ำมากๆ
2.ยาแก้ปวดที่ช่วยได้ เช่น mefenamic acid หรือ ponstan , diclofenac , ibuprofen , พาราเซตามอล เป็นต้น
3.การประคบอุ่น
4.พักผ่อนมากๆ
5.พยายามไม่มีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดิอน เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อต่างๆได้ง่ายค่ะ
หากมีอาการผิดปกติ ที่หมอกล่าวไป ที่อาจมีความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติที่จะทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือนแบบที่สอง ได้แก่ ปวดมากจนรบกวนการเรียน / การทำงาน ปวดจนพักไม่ได้ ปวดนานไม่หาย มีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ มีบุตรยาก หรือมีตกขาวผิดปกติ ให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจภายใน หรือส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมค่ะ
สำหรับ ก้อนเลือด หรือ ลิ่มเลือดที่ออกมานั้น
>>เมื่อมีประจำเดือน เลือดที่ออกมา อาจมีลักษณะเป็นเนื่อเยื่อ หรือ เป็นลิ่มเลือดได้ เนื่องจากการหลุดลอกของเนื้อเยื่อมดลูกของเราค่ะ
สามารถพบได้ในช่วงประจำเดือนวันแรกๆ ไม่อันตราย หากไม่มีอาการอื่นผิดปกติ เช่น ปวดท้องมาก ตกขาวผิดปกติ เลือดออกมากกว่าปกติ หรือ สงสัยว่ามีการตั้งครรภ์อยู่ก่อนแล้วค่ะ
อย่างไรก็ตาม หากลิ่มเลือดมามาก ให้ระมัดระวัง อาการของอาการประจำเดือนมามาก หมายถึง ประจำเดือนที่ 1)ใช้ผ้าอนามัยมากกว่า 1 แผ่นใหญ่ต่อชั่วโมง 2)ประจำเดือนมามากกว่า 10 วันค่ะ 3)มีอาการที่เกิดขึ้นจากภาวะมีเลือดออก เช่น หน้ามืด เป็นลม ซีดลง ต้องเติมเลือด เป็นต้น ซึ่งเมื่อคนไข้ มีประจำเดือนมามาก เป็นสิ่งที่ต้อวหาสาเหตุค่ะ ซึ่งสาเหตุมีหลากหลาย ได้แก่ 1.สาเหตุที่ระบบสืบพันธุ์ เช่น เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ก้อนเนื้อในมดลูก เป็นต้น 2.ฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ไทรอยด์ ฮอร์โมนเพศ 3.ระบบการแข็งตัวของเลือด เช่น เกล็ดเลือดต่ำ การทำงานของเกล็ดเลือดผิดปรกติ เป็นต้น ดังนั้น คนไข้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
คุณหมอคะ ตอนนี้หนูอายุ18ปี ปกติเวลามีประจำเดือนจะปวดท้อง แทบทุกเดือนบางเดือนมีก้อนเลือดออกมาพร้อมกับประจำเดือน แต่เดือนที่แล้วคือเดือนพฤศจิกายน ประจำเดือนหนูไม่มา มาอีกทีเดือนธันวาคมมีก้อนเลือดออกมาด้วย จะเป็นอะไรไหมคะ กังวลนิดหน่อย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)