1.โรคไบโพล่าร์ รักษา โดยการปรับยาตามอาการเป็นสำคัญใช่ไหมคะ แปลว่า เวลาคนไข้มีอาการอะไรเห็นท่าไม่ดีขึ้นมา หรือ mania เริ่มมา ละ แต่ยังไม่ถึงนัดหมอ ก็ให้รีบพาคนไข้ไปหาหมอก่อนนัดได้ทันทีใช่ไหมคะ แล้วถ้าคนไข้ไปหาหมอเพราะอาการกำเริบ พอหลังหาหมอ ต้องรอดูกี่วัน ถ้าอาการเค้ายังไม่ดีขึ้นหรือ ดีขึ้นแต่ยังเป็นปัญหาอยู่ ยังมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ภายในกี่วันถึงควรพาไปหาหมอก่อนนัดได้ทันทีเลยคะ 2.ถ้าคนไข้ ไม่ยอมกินยา(เค้า มียาที่ต้องกินรักษาไบโพล่าร์อยู่5-6ตัว) หยุดยาเองเพราะ มีปัญหาเรื่อง น้ำหนักขึ้นควรทำยังไงดีคะ มีวิธีไหนบ้างคะ(เปลี่ยนยาตัวใหม่??) 3.ถ้าในกรณีที่เปลี่ยนยาตัวใหม่ ลองหลายตัวแล้วก็ยังพบปัญหาน้ำหนักขึ้นอยู่ดี ควรทำยังไงคะ

1. ไบโพลารอาศัยการปรับยาตามอาการ หากอาการไม่ดีขึ้นหรือเริ่มมีอาการผิดปกติ ให้ไปพบแพทยืก่อนนัดได้ค่ะ หลังปรับยาประมาณ 2 สัปดาห์ หากอาการยังไม่ดีขึ้น สามารถไปพบแพทย์เพื่อปรับยาให้เหมาะสมกับอาการได้ค่ะ
2.ปรึกษาจิตแพทย์ ให้คุณหมอพิจารณาเปลี่ยนยาที่มีผลข้างเคียงน้อยลง แต่ยาที่มีผลข้างเคียงน้อยอาจเป็นยานอกบัญชีซึ่งผู้ป่วยอาจต้องต่ายเงินค่ายาเองนะคะ หรือบางรายก้ไม่จำเป็นต้องใช้ยานอกบัญชีก็ได้ เพียงแต่ควบคุมอาหารและออกกำลังกายเป็นประจำก็ได้นะคะ
การหยุดยาเอง ส่งผลให้อาการกำเริบ เรื้อรังยากต่อการรักษา โอกาสที่อาการจะดีขึ้นได้ 100 % มีน้อยลง ดังนั้น ผู้ดูแลควรควบคุมให้ผู้ป่วยทานยาสม่ำเสมอเพื่อควบคุมอาการ และปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อแก้ไขอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นนะคะ
3.ควบคุมอาหาร และหมั่นออกกำลังกายค่ะ ช่วยได้ค่ะ
3.

1. ควรสังเกตอาการต่อเนื่องนะคะ หากได้รับยาแล้วยาที่ทานอยู่ควบคุมอาการได้ แต่จู่ๆเริ่มมีอาการผิดปกติ หรือมีอาการเริ่มเปลี่ยนขั้ว แบบนี้สามารถไปพบแพทยืก่อนนัดได้เลยค่ะ
2.แต่ละครั้งที่คุณหมอปรับยา อาการอาจจะไม่ดีขึ้นทันที แต่รอดูอาการอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หากทานยาแล้วอาการคงเดิม หรือมีอาการแย่ลง สามารถไปพบแพทยืก่อนนัดได้ค่ะ
3.ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตามหากมีอาการผิดปกติ รู้สึกควบคุมอารมณ์ไม่ได้ หรือมีความคิด พฤติกรรมที่ผิดไปจากคนทั่วไป สามารถไปพบแพทย์ก่อนนัดได้ค่ะ

สวัสดีครับ

อย่างที่พี่นักจิตวิทยาได้ตอบคำถามไปในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของอาการ และผลจากการหยุดยา ผมขอเพิ่มเติมว่า การมีภาวะของโรคไบโพล่าร์ร่วมด้วยนั้น ”อาการกำเริบขึ้นมา" เช่น ร้องไห้ง่าย โมโหง่าย ตรงนี้ก็ไม่สามารถบอกได้นะครับว่าเป็นอาการของโรคไบโพล่าร์ที่มีการเปลี่ยนขั้วหรือไม่ ความแตกต่างนี้ อาจจะต้องให้เจ้าตัวได้มาร่วมระบุด้วยว่า ในความรู้สึกของตนเองแล้ว ความรู้สึกภายในตนเองมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง เพราะการเปลี่ยนแปลงขั้วของไบโพล่าร์มักจะมี ระยะเวลานานในการเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้ง ซึ่งเจ้าตัวควรจะเป็นผู้สังเกตร่วมกับครอบครัวถึงลักษณะของอารมณ์และอาการที่เปลี่ยนแปลงไปนะครับ จากนั้นจึงปรึกษากับจิตแพทย์ประจำตัว

การที่มีอาการขึ้นมาแล้วเข้าไปพบแพทย์ได้เลยก็เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่อาจจะต้องดูด้วยว่าเจ้าตัวต้องการไปหาหมอด้วยหรือไม่ หากเจ้าตัวรู้สึกว่าจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ หรือถ้าทางบ้านจะตั้งกฎขึ้นมาว่าหากเกิดพฤติกรรมแบบนี้ขึ้นแล้วจะต้องไปหาจิตแพทย์ก็สามารถทำได้เพื่อเป็นการหาจุดตัดสินเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจกลับไปหาคุณหมอก่อนวันนัดนะครับ

สุดท้ายในเรื่องของน้ำหนักขึ้น ผู้ที่มีประสบการณ์กับโรคจิตเวชหลายคนที่ได้รับ side effect ในเรื่องน้ำหนักขึ้นจากการทานยาโรคจิตเวช หากว่าเปลี่ยนยาแล้วยังมีปัญหาในเรื่องนั่นอยู่ หรือยาบางชนิดที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จะต้องใช้วิธีการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายดังที่พี่นักจิตวิทยาว่าไว้ครับ ซึ่งน่าจะช่วยทำให้เจ้าตัวสามารถควบคุมน้ำหนักได้อยู่บ้าง หากระมัดระวังในการทานอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอครับ