June 16, 2018 18:29
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
กรณีนี้แนะนำให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดูก่อนจะดีกว่าครับ เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินนั้นป้องกันการตั้งครรภ์ได้เพียง 75-85% และเลือดที่ออกตอน 16 เมษายนอาจเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินก็ได้ครับ เพราะตัวยามีผลทำให้เลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือนได้
ถ้าหากตรวจการตั้งครรภ์แล้วไม่มีการตั้งครรภ์ สาเหตุของการขาดประจำเดือนก็อาจเกิดจาก
- ไข่ไม่ตกตามรอบ
- ระดับฮอร์โมนในร่างกายต่ำกว่าปกติ
- ความผิดปกติของรังไข่หรือมดลูก
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- ความเครียด
- การดื่มสุรา สูบบุหรี่
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
ถ้าหากประจำเดือนไม่มา 3 เดือนขึ้นไป ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กอบศักดิ์ ชัยชะแตง (นพ.)
หากสวมถุงยางและไม่มีการฉีกขาดของถุงยางแล้ว รวมทั้งวิธีการใส่ที่ถูกต้องแล้ว โอกาสตั้งครรภ์มีได้น้อยมากครับ รวมทั้งสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย แต่หากมีการหลุดของถุงยาง หลั่งใน จนเป็นเหตุต้องใช้ยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งหมอจะอธิบายต่อไปครับ
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์อยู่ที่ประมาณ80%ครับ ประสิทธิภาพยิ่งลดลดหากเวลาหลังการมีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกันมากขึ้น โดยปกติแล้วแนะนำให้ใช้หลังการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกันภายใน72ชั่วโมง และได้ผลดีสุดภายใน24ชั่วโมงแรกครับ อย่างไรก้ตามไม่มีวิธีการคุมกำเนิดวิธีใดที่ได้ผล100% เต็ม ดังนั้น ก้ยังมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้ สำหรับการที่ประจำเดือนมาช้านั้น อาจมีสาเหตุอื่นร่วมด้วยเช่น จากความเครียด ความวิตกกังวล การพักผ่อนไม่เพียงพอ เนื่องจากผู้ป่วยประจำเดือนไม่มาถึง2เดือนแล้ว
เพื่อตรวจสอบว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่สามารถซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจเบื้องต้นได้ครับ หากขึ้น1ขีด แสดงว่าไม่มีการตั้งครรภ์ หากไม่ขึ้นสักขีดแสดงว่าอ่านผลไม่ได้ หากขึ้น2ขีดแสดงว่ามีการตั้งครรภ์ อย่างไรก้ตามควรไปพบสูตินารีแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจภายใน ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และร่วมหาวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า และไม่ควรใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินบ่อยๆ เพราะประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดต่ำ และไม่ได้ป้องกันการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ครับ
นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆที่ทำให้ประจำเดือนมาช้าครับ ได้แก่
- การกินยาคุมกำเนิดระยะเวลานานมาก่อน
- โรคไทรอยด์
- น้ำหนักตัวที่มากกว่าปกติ
- ความเครียด วิตกกังวล เป็นต้น
-การรับประทานอาหารไขมันสูง
อย่างไรก้ตามหากตรวจการตั้งครรภ์แล้วไม่พบการตั้งครรภ์ ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของการที่ประจำเดือนมาผิดปกติครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
มีเพศสัมพันเดือนเมษา แล้วกินยาคุมฉุกเฉินตามคำแนะนำ แล้ววันที่ 16 เมษายนประจำเดือนมา แล้วเดือนพฤษภาคมกับเดือนมิถุนายน ประจำเดือนยังไม่มา จะเป็นไรไหมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)