July 14, 2019 05:28
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ จากประวัติอาจคิดถึงการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะได้ค่ะ (Urinary tract infection) ไม่ว่าจะเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (cystitis) ท่อปัสสาวะอักเสบ (Urethritis) หรือแม้กระทั่งกรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis) ซึ่งการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะจะมีอาการดังนี้ เช่น ปัสสาวะกะปริบกะปรอย แสบปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะขุ่น มีกลิ่นเหม็น ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นหนอง ปวดท้องน้อย ปวดเอว หนาวสั่น มีไข้ อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น กลั้นปัสสาวะนาน ดื่มน้ำน้อยทำให้ปัสสาวะออกน้อย ท่อปัสสาวะสั้น เป็นนิ่วบริเวณกรวยไต มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน การติดเชื้อจากรูทวาร ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้สูงอายุ เป็นต้น
สำหรับการป้องกันที่ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ได้แก่ ไม่กลั้นปัสสาวะนาน ดื่มนานให้เพียงพอ ใช้ถุงยางป้องกันเมื่อมีคู่นอนหลายคู่ ปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์เสร็จ หลังขับถ่ายให้เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง เป็นต้นค่ะ
เบื้องต้นให้ดื่มน้ำมากๆซึ่งการดื่มน้ำจะช่วยขับเชื้อโรคออกและลดอาการปวดแสบปวดร้อนเวลาปัสสาวะได้ และไปพบแพทย์เพื่อตรวจยืนยันการวินิจฉัยและจะได้ทำการรักษาค่ะ อาจจำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะมาทานค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
อาการปัสสาวะบ่อย อาจมีสาเหตุมาจากหลายอย่างครับ ตัวอย่างเช่น
-การดื่มน้ำปริมาณมาก หรือ การชอบทานชา กาแฟ (คาเฟอีน) ซึ่งมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
- การติดเชื้อ ทางเดินปัสสาว เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ กรวยไตอักเสบ เป็นต้นอาการคือ จะรู้สึกปัสสาวะไม่สุด ปวดปัสสาวะตลอดเวลา ปัสสาวะแสบขัด บางคนอาจมีการปัสสาวะเป็นเลือดร่วมด้วย หรือบางคนอาจทีไข้ หนาวสั่น ปวดหลัง ซึ่งโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะนี้ สามารถเกิดได้ทั้งจากเชื้อไวรัส และ แบคทีเรีย ค่ะ ข้อแนะนำเบื้องต้น คือ ควรได้รับการตรวจร่างกาย เพิ่มเติม อาจจะต้องตรวจปัสสาวะ และได้รับยาฆ่าเชื้อค่ะ ช่วงนี้แนะนำว่าให้ดื่มน้ำมากๆ และงดกลั้นปัสสาวะนะครับ
โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ถ้าเป็นไม่มาก ก็อาจจะเป็นเพียงกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แต่หากคนไข้ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ชอบกลั้นปัสสาวะ เป็นต้น และไม่รักษา อาจทำให้ลุกลามไปถึง กรวยไตและไตได้ครับ
>>โรคอื่นๆ ที่ทำให้ปัสสาวะบ่อยได้ เช่น
-อาการเริ่มแรกของโรคเบาหวาน อาจทำให้มีการปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะมาก น้ำหนักลด หิวบ่อย
-เบาจืด อาจปัสสสวะมาก และบ่อย
-ยาบางชนิด และการดื่มน้ำมากๆ
-ภาวะกระเพาะปัสสาวะทำงานมากกว่าปกติ
-สำหรับเพศชายที่อายุมาก อาจเกิดจากต่อมลูกหมากโต ได้ครับ
-ภาวะทางจิตใจ เช่น ความเครียด วิตกกังวล เป็นต้น
ดังนั้น หากอาการดังกล่าว รบกวนชีวิตประจำวัน ควรไปพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุเพิ่ทเติมนะครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอบคุณครับ ผมปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะ กะปริบกะปรอย แทบจะตลอดเวลาเลยคับ ผมควรไปแพทย์ด่วยเลยใช่ไหมคับ
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุครับ เนื่องจากเป็นได้จากสาเหตุต่างๆทางด้านบน การรักษาก็จะเป็นไปตามการวินิจฉัยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอบคุณมากครับหมอ 🙏🏻
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
หมอครับ ผมมีอาการปวดปัสสาสะ ตอนช่วงดึกๆ ตี 1-2 ก่อนเวลาที่ผมจะนอนช่วงดึกๆ เป็นเวลา 2-3 อาทิตย์แล้วครับ เป็นแต่ล่ะวัน ก็เปนหลายชั่วโมงมากคับ เกิดจากอะไรคับ มันปวดปัสสาวะ พอไปปัสสาสาวะ ได้แปปเดียวก็ปวดอีกครับ พอเปนแบบนี้ มันทำให้ผมไม่ได้พักผ่อนเลยครับ เกิดจากอะไรครับหมอ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)