ตรวจพบ HIV CD4 ปกติ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมตรวจเลือดพบเชื้อพบผลเป็น Reactive จึงยื่นตรวจแบบละเอียดอีกครั้งพบว่าติดเชื้อ HIV มีจำนวน Virus load ที่ 2,500 ตัวผมจึงรีบไป รพ.ประจำจังหวัดเพื่อเข้ารับการรักษาและรับยาต้านไวรัส แต่เมื่อตรวจที่ รพ.พบมีร่องรอยของ ซิฟิริซ อยู่คุณหมอจึงให้รักษา ซิฟิริสก่อนโดยการฉีดยาติดต่อกัน 3 สัปดาห์ แล้วจะพิจราณา HIV ตอนนี้ร่างกายผมปกติดีทุกอย่าง มีก็แต่สภาพจิตใจที่ย่ำแย่มากครับ ผมอยากรับยาต้าน HIV ให้ไวที่สุดไม่อยากรอให้อาการแสดงออกมาก่อน วันที่ 14 พ.ย ผมมีนัดกับหมอครับเพื่อประเมิณครั้งต่อไป ผมเกรงว่าค่า CD4 ของผมจะไม่อยู่ในเกณฑ์รับยา ถ้าเป็นเช่นนั้นผมจะไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวเลยครับ ตอนนี้ผมรู้สึกว่ายาคือทางออกเดียวของผม พอจะเป็นไปได้ไหมครับ หาก CD4 ไม่เข้าเกณฑ์ แต่ขอรับยาต้านมาทาน ผมเครียดจนทานอะไรไม่ได้เลยครับ

การพิจารณาเริ่มยาต้านไวรัสในผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ในปัจจุบันมีแนวทางต่างไปจากในอดีต กล่าวคือแพทย์จะเริ่มยาต้านไวรัสเร็วที่สุดในทุกระดับ CD4 โดยพิจารณาจาก -หากค่า CD4 ต่ำกว่า 500 ให้เริ่มยาต้านไวรัสทุกราย -หากค่า CD4 สูงกว่า 500 ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะยังไม่รับยาถ้ายังไม่พร้อม เช่น มีสภาพทางจิตใจหรือทางสังคมที่ไม่เหมาะสมต่อการกินยาต่อเนื่อง ผู้ป่วยต้องเข้าใจถึงความสำคัญในการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ ยกเว้นในกรณีที่ -เป็นวัณโรค มีค่า CD4 < 50 ควรเริ่มยาภายใน 2 สัปดาห์ หลังการรักษาวัณโรค -เป็นวัณโรค มีค่า CD4 > 50 ควรเริ่มยาภายใน 2-8 สัปดาห์ หลังการรักษาวัณโรค -การติดเชื้อเยื่อหุ้มสมอง Cryptococcosis การเริ่มยาเร็วกลับทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากภาวะ IRIS ภูมิคุ้มกันฟื้นตัว ต้องรักษาจนความดันน้ำไขสันหลังปกติก่อน -โรคติดเชื้อฉวยโอกาสอื่นๆ เริ่มยา หลังการรักษาโรคติดเชื้อฉวยโอกาสแล้วประมาณ 2-4 อาทิตย์ -โรคติดเชื้อฉวยโอกาสที่ไม่มียารักษา เช่น Progressive Multifocal Leukoencephalopathy เริ่มยาให้เร็วที่สุด เนื่องจากการเริ่มยาต้านไวรัสเร็วจะเป็นประโยชน์ทั้งรายบุคคลในเชิงสุขภาพของผู้ป่วยเอง และประโยชน์ต่อการสาธารณสุขของประเทศ เช่น ในผู้ป่วยตั้งครรภ์จะช่วยลดการถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก