February 15, 2019 20:25
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันปลอดภัย หรือ "หน้า 7 - หลัง 7" มีโอกาสผิดพลาดและตั้งครรภ์ได้ 24% ค่ะ ส่วนการหลั่งนอก มีโอกาสผิดพลาดและตั้งครรภ์ได้ 22% เมื่อเทียบกับการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด ที่จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 2% ก็จะเห็นได้ว่าการนับวันปลอดภัยและการหลั่งนอกไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์นะคะ
ซึ่งแม้จะรับประทานยาคุมฉุกเฉิน แต่เนื่องจากประสิทธิภาพไม่ได้สูงมากเหมือนวิธีคุมกำเนิดปกติ ดังนั้น ต่อให้รับประทานเร็วและครบขนาด ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% ค่ะ
จึงต้องรอดูว่าจะมีประจำเดือนมาหรือเปล่านะคะ ซึ่งในกรณีที่ไม่ตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติ หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วัน ส่วนเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยา อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไรค่ะ
ถ้าไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติ หรือกังวลว่าอาจตั้งครรภ์ สามารถตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันได้นะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
มีโอกาสท้องเเต่น้อยครับ เนื่องจากขณะสอดใส่อาจมีอสุจิปนออกมากับน้ำหล่อลื่นฝ่ายชายได้ครับ และขึ้นอยู่กับวันที่มีเพศสัมพันธ์ด้วย
กรณีคนไข้ เรื่องวันที่มีเพศสัมพันธ์ ถ้าก่อนหน้านี้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ มีเพศสัมพันธ์ช่วง ก่อน7วันถึงหลัง7วัน นับจากวันที่ประจำเดือนมาวันเเรก จะเป็นระยะปลอดภัย ไม่มีไข่ตก โอกาสท้องน้อยมากครับ
กรณีที่กินยาคุมฉุกเฉินด้วย โอกาสก็ยิ่งน้อยครับ
หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ประมาณ ภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน
ส่วนประจำเดือนจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา
ให้ไปตรวจการตั้งครรภ์นะครับ
การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องก็ต้องรอประจำเดือนจริงๆมาครับ ซึ่งก็อาจจะเลื่อนได้จากผลของยา หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ ระหว่างนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางไปก่อนครับ
เเละการคุมกำเนิดโดยการคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรใช้เกินสองแผงต่อเดือนครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
คือโอกาศมีน้อยใช่มั้ยครับ
-เสร็จข้างนอก
-เป็นช่วงประจำเดือน
-กินยาคุมฉุกเฉิน
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
- การหลั่งนอก มีโอกาสตั้งครรภ์ 4 - 22% (แต่โดยทั่วไปถือว่าความเสี่ยงค่อนไปทางสูง คือ 22%)
- การนับวันปลอดภัย หรือ "หน้า 7 - หลัง 7" มีโอกาสตั้งครรภ์ 5 - 24% (แต่โดยทั่วไปถือว่าความเสี่ยงค่อนไปทางสูง คือ 24%)
- การใช้ยาคุมฉุกเฉิน หากใช้ครบขนาดและทันเวลา จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 15 - 25% ในกรณี เนื่องจากรับประทานเร็ว ความเสี่ยงน่าจะค่อนไปทางต่ำ คือประมาณ 15% ค่ะ
หากเปรียบเทียบกับการไม่ป้องกันใด ๆ เลย ที่จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 85% วิธีที่กล่าวมาข้างต้นก็ถือว่ามีโอกาสเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์น้อยกว่าค่ะ
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการคุมกำเนิดด้วยวิธีมาตรฐาน เช่น
- หากใช้ถุงยางอนามัย จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 2 - 18% (แต่ถ้าใช้ถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด ความเสี่ยงจะค่อนไปทางต่ำ คือ 2%)
- หากใช้ยาคุมรายเดือน จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% (แต่ถ้าใช้ถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ความเสี่ยงจะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3%)
ก็จะเห็นได้ว่า การหลั่งนอก, การนับวันปลอดภัย และการใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนวิธีคุมกำเนิดปกติ ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์นะคะ
ซึ่งหมายถึง แฟนของผู้ถามมีโอกาสตั้งครรภ์สูงกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบกับการป้องกันด้วยวิธีคุมกำเนิดมาตรฐาน ดังนั้น แนะนำให้รอดูว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติหรือไม่ ถ้าไม่มี ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์เพื่อความชัดเจนค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
แล้ววันที่ 19 เริ่มมีเลือดออกมานิดหน่อย แต่วันที่20 มามาก ใช่ประจำเดือนไหมครับ หรือเป็นผลข้างเคียงจากยา
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ประจำเดือนควรจะมาตามรอบปกติ หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันค่ะ เมื่อแฟนผู้ถามมีประจำเดือนมาครั้งล่าสุดเมื่อ 8 - 13 กุมภาพันธ์ ก็ไม่ควรจะมีประจำเดือนมาอีกในช่วงนี้นะคะ
ถ้าไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ (เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง) ก็เป็นไปได้ว่าเลือดที่ออกมานั้นจะเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินค่ะ
แต่ผลข้างเคียงจากยา จะเป็นเพียงหยดเลือดซึม หรือเลือดออกกะปริบกะปรอยนะคะ ดังนั้น หากแฟนผู้ถามมีเลือดออกมามากจนชุ่มผ้าอนามัย หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่เหมาะสมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
คือผมมีเพศสัมพันธ์กับแฟนในช่วงก่อนที่แฟนผมจะหมดประจำเดือน1วัน (ประจำเดือนมาวันที่8-13) ยังมีเลือดอยู่แต่น้อยและจาง โดยทำธุระไป2รอบ ในช่วง5ทุ่มกว่าของวันที่ 12 โดยรอบแรกนั้นมีโดยใส่ถุงยางอนามัยป้องกันพอเสร็จกิจก้ถอดทิ้งแต่ไม่ได้ล้างอวัยวะเพศ แล้วใส่ถุงยางอนามัยอันที่2เข้าไป จากนั้นก้มีอะไรกันซักพักหนึ่ง ผมก้ได้ถอดถุงยางทิ้งไป แล้วมีอะไรกันโดยไม่ได้ป้องกัน แต่ตอนเสร็จผมนำออกมาเสร็จข้างนอก แล้วในวันที่ 13 ผมก้ได้ให้แฟนกินยาคุมฉุกเฉินในช่วงประมาน1ทุ่มเพื่อป้องกันไว้ อยากทราบว่ามีโอกาศท้องมากมั้ยอะครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)