July 25, 2019 02:15
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีอาการปัสสาวะแล้วแสบนั้นอาจเกิดได้จากการมีแผลอยู่ภายนอกของอวัยวะเพศจากสาเหตุต่างๆ เช่น แผลที่เกิดจากการเสียดสี/การเกา เริม แผลริมอ่อน รวมถึงอาจเกิดจากการติดเชื้อบางอย่างในทางเดินปัสสาวะได้ เช่น ติดเชื้อแบคทีเรียทั่วไป โรคหนองใน
ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไปครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ แผลที่อวัยวะเพศอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ เช่น
-แผลจากการขูดของเนื้อเยื่อจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยอาจเกิดจากช่องคลอดแห้ง มีเพศสัมพันธ์นานหรือรุนแรงมากเกินไป
-โรคเริม เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes Simplex จะเป็นกลุ่มตุ่มน้ำใส ถ้าแห้งแล้วจะตกสะเก็ด มีอาการเจ็บแสบ
-แผลริมอ่อน (Chancroid) เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Haemophilus Ducreyi ขอบแผลอ่อน เป็นแผลเจ็บ พื้นแผลสกปรก มักเป็นหลายแผล
-แผลริมแข็ง (Chancre) เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum (Syphillis) ขอบแผลแข็ง ไม่เจ็บ พื้นแผลดูสะอาด มักเป็นแผลเดียวหรือสองแผล
ส่วนอาการปัสสาวะแสบขัดอาจคิดถึงการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary tract infection) โดยเฉพาะมีหนองออกมาด้วยก็อาจคิดถึงโรคหนองในได้ ซึ่งอาการหนองในในผู้หญิงระยะแรกๆมักไม่มีอาการค่ะ แต่ระยะหลังจะมีตกขาวมากขึ้น กลิ่นเหม็น ตกขาวเป็นหนองสีผิดปกติ คืออาจเป็นสีเหลืองสีเขียว มักไม่คัน มีอาการปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะขุ่น ปวดท้องน้อย และในบางรายอาจมีเลือดออกกะปริบกะปรอบได้ค่ะ
เบื้องต้นแนะนำให้ไปพบสูตินารีแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและจะได้ทำการรักษาที่เหมาะสมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
แผล/ตุ่มที่อวัยวะเพศสามารถเป็นได้หลายอย่างครับ ซึ่งควรจะต้อง ได้รับการซักประวัติ และตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดยเฉพาะประวัติเพศสัมพันธฺที่ไม่ได้ป้องกันครับ
ตัวอย่างเช่น
-กลุ่มโรคติดค่อทางเพศสัมพันธ์
1.เริมที่อวัยวะเพศ เกิดจากเชือไวรัส herpes ลักษณะจะเป็นตุ่มน้ำใส เมื่อแตกออกตะแสบ และอาจมีการติดเชื้อซ้ำซ้อนได้
2.แผลริมแข็ง มักไม่เจ็บ เกิดจากเชื้อซิฟิลิส ถ้าปล่อยไว้ จะหายเอง แต่เชื้อซิฟิลิส ตะยังควอยู่ รอวันที่จะทำให้เกิดผลแทรกซ้อนต่อระบบอื่นๆที่สำคัญได้ ถ้าไม่รีบรักษาครับ
3.แผลริมอ่อน เกิดจาก แบคทีเรีย ชื่อ Haemophilus Ducreyi มักมีอาการแสบ มีหนอง คนไข้จะเจ็บ แสบแผลมากครับ
4.หูดหงอนไก่ เป็นการติดเชื้อไวรัส เป็นก้อนหรือติ่งเนื้อ ลักษณะผิวอาจเรียบหรือขรุขระ สีอาจจะสีชมพู
สีน้ำตาล สีเนื้อ พบบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก และช่องคอครับ
การรักษาหูดหงอนไก่ มีหลายวิธีครับ ทั้งแบบใช้ยา และการผ่าตัด
1.การใช้ยา เช่น TCA , 5% imiquimod เป็นต้น ใช้ทาบริเวณหูด เพื่อให้เนื้อนั้นฝ่อไปครับ
2.การจี้เย็น และการผ่าตัด ใช้ในกรณีที่หูดมีขนาดใหญ่มาก หรือใช้ยาแล้วไม่ได้ผลครับ
นอกจากนี้ การรักษาโรคหูด ยังต้องรักษาคุ่นอนด้วยค่ะ ไม่เช่นนั้นแล้ว จะทำให้โรคหูด กลับมาเป็นซ้ำๆ ได้ครับ
กลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธฺนี้ การรักษาคล้ายกัน คือ การให้ยาฆ่าเชื้อ และการรักษาสุขอนามัยทางเพศ การรักษาความสะอาดอยู่เสมอครับ
-กลุ่มโรคอื่นๆ
1.การติดเชื้อที่ผิวหนัง
2.ผิ่นแพ้ เช่น การแพ้ยา เป็นต้น
3.โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตนเอง (autoimmune)
ดังนั้น เมื่อมีตุ่มที่อวัยวะเพศ จะเห็นว่า สามารถเป็นได้หลายอย่าง แนะนำให้คนไข้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเพิ่ทเติมเพื่อให้การรักษาอย่างเฟมาะสมตามสาเหตุครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
มีอาดารปวดเวลาปัสวะก็แสบตอนแรกเป็นแผบเหมือนร้อนในคะพอผ่านไป2วันก็เป็นหนองที่เราใช่ปัสวะเกิดจากอารัยคะแร้ววีทีรักษาทำยังงัย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)