June 24, 2018 12:42
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ กรณีทำหมันแล้วต้องการตั้งครรภ์ คนไข้ อาจจะต้องไปแก้หมันค่ะ
การทำหมันหญิง ถือเป็นการคุมกำเนิดแบบถาวร โดยจะเป็นการทำให้ท่อนำไข่ (Fallopian Tube) อุดตัน โดยการใช้ไฟฟ้าจี้ , ผูกและตัด , ใช้คลิปหนีบ , หรือใช้วงแหวนพลาสติก รัดทางเดินของท่อนำไข่ หรือที่เรียกกันว่าปีกมดลูกทั้งสองข้าง ไข่ที่ตกจากรังไข่เดือนละ 1 ใบ จะไม่สามารถเข้ามาผสมกับตัวอสุจิจากฝ่ายชายได้ ค่ะ
- โดยหากคู่สมรส มีความต้องการที่จะมีบุตรอีกครั้งหลังทำหมันไปแล้ว จะต้องทำการประเมินสุขภาพร่างกาย และโอกาสการตั้งครรภ์ของทั้งาองคนนะคะ
ได้แก่
1.ความบูรณ์ของฝ่ายชาย ได้แก่ สุขภาพร่างกายโดยทั่วไป น้ำเชื้อของฝ่ายชาย คุณภาพน้ำเชื้อของฝ่ายชาย เป็นต้นค่ะ เนื่องจาก หากพบว่าฝ่ายชายเป็นหมัน การแก้หมันไป ก้จะไม่สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้อยู่ดีค่ะ
2.ความสมบูรณ์ของฝ่ายหญิง ได้แก่ สุขภาพโดยทั่วไป เช่น โรคประจำตัวต่างๆ ที่อาจมีผลต่อการตั้งครรภ์ ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เลือดจาง ตับ ไต เป็นต้น และอายุ (เนื่องจาก อายุมากกว่า 40 ปี โอกาสจะตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ ก้อาจไม่มากอยู่แล้ว และอาจมีผบแทรกซ้อนจากการตั้งครรภฺมากค่ะ) ระยะเวลาของการทำหมัน หากทำมานาน โอกาสการตั้งครรภ์จะลดลงค่ะ. นอกจากนี้ จะต้องตรวจอวัยวะอื่นๆทางระบบสืบพันธ์ เช่น มดลูก รังไข่ ค่ะ และ ตรวจหมันเดิมที่ทำไว้ค่ะ ได้แก่ การส่องกล้องทางหน้าท้อง การฉีดสีดูท่อนำไข่ ทั้งลักษณะภายนอก และการดูจากกล้องจุลทรรศน์ค่ะ หากการทำหมันเดิมของผู้หญิง ไม่ไม่มีการทำลายท่อนำไข่มาก ไม่ค่อยมีผังผืด ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูงกว่า กลุ่มที่ตัดท่อนำไข่และมีการทำลายท่อนำไข่มากๆด้วยค่ะ
**โดยปกติ โอกาสตั้งครรภ์ของสตรีที่ต่อหมัน จะมีประมาณ 15-70 เปอร์เซนต์ค่ะ
-การแก้หมันหญิง ต้องทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและได้รับการฝึกฝนมาโดยเฉพาะค่ะ
***การรับประทานโฟลิคไม่ได้ช่วยให้คนที่ทำหมันแล้วตั้งครรภ์ แต่จะมีผลดีในแง่การเตรียมตัวที่จะตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันความพิการทางระบบประสาทของทารก แนะนำให้คุณแม่ทานก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 1 เดือน หากไม่มีความเสี่ยง เช่น เคยมีบุตรพิการมาก่อนค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ทำไมถึงชอบมีอาการคันที่อวัยวะที่เปนเหมือนเชื้อราค่ะทั้งที่เราดูแลไม่ให้อับชื้นแล้วแต่ยังมีอาการแสบๆคับเวลามีเพศสัมพันธ์ล่ะค่ะ(ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ)
เวามีเพศสัมพันเรียบร้อยแล้วอวัยวะเราถึงมีอาการบวมแสบและคันเกิดจากอะไรค่ะทานยาตัวไหนดีค่ะ
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
อาการเจ็บหรือคัน หลังจากมีเพศสัมพันธุ์ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการที่มีแผล หรือมีการอักเสบของอวัยวะเพศเกิดขึ้น ซึ่งเกิดจากการที่มีเพศสัมพันธุ์ขณะที่ร่างกายยังไม่พร้อม ยังมีน้ำหล่อลื่นไม่เพียงพอ หรือมีเพศสัมพันธุ์ที่ค่อนข้างรุ่นแรงค่ะ โดยปกติสามารถหายเองได้ภายใน1-2 วันเพียงรักษาความสะอาดก็เพียงพอค่ะ แต่กรณีที่มีการติดเชื้อร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อรา หรือเชื้อแบคทีเรีย อาจจะมีการตกขาวกลิ่นเหม็น คันมาก ปวดมาก แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรงจภายในเพื่อหาวาเหตุอีกครั้งค่ะ เพื่อการรักษาที่ถูกต้องตรงตามสาเหตุค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ไม่มีอากาารตกขาวค่ะไม่มีกลิ่นค่ะอาการปวดมีเล็กน้อยจะเปนแค่ชั่วครุ๋สัก 10 นาทีก็จะหายไป ทายาฆ่าเชื้อราตลอดเลยค่ะในส่วนที่เจ็บเหมือนเปนแผลจะใช้ยาทาฆ่าเชื้อที่แผลค่ะแบบนี้ตรงสาเหตุไหมค่ะไม่กล้าที่จะไปตรวจภายในค่ะ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
โดยปกติจะรักษาให้ตรงจุด ต้องตรวจร่างกายค่ะ การให้ความเห็นเบื้องต้นจากคำบอกเล่า จะไม่แม่นยำเท่าการได้เห็นแผล หรือลักษณะตกขาวจริงๆค่ะ การตรวจภายในมีแระโยชน์หลายอย่าง นอกจากการรักษาอาการที่รบกวนชีวิตประจำวันของคนไข้แล้ว ยังสามารถคัดกรองมะเร็งได้ด้วย ขณะนี้ กระทรวงสาธารณะสุข กำลังรณรงค์การตรวจภายในอยู่นะคะ ดังนั้น การไปตรวจ คุ้มค่ามากนะคะ ในเรื่องการดูแลสุขภาพ อนึ่งไม่แนะนำให้ซื้อยากินเอง โดยเฉพาะยาฆ่าเชื้อ เนื่องจาก 1) การวินิจฉัยอาจผิดพลาด เนื่องจากไม่ได้ตรวจร่างกาย เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง 2)ยาฆ่าเชื้อมีหลายชนิด รักษาเชื้อที่แตกต่างกัน การให้ยาที่ไม่ตรงกับเชื้อ นอกจากจะไม่ได้เป็นการกำจัดเชื้อแล้ว ยังก่อให้เกิดเชื้อดื้อยาในตัวคนไข้ ต่อไปจะเลือกใช้ยาฆ่าเชื้อได้ยาก เมื่อมีอาการป่วยจริงๆค่ะ 3) ยาทุกชนิด มีผลข้างเคียง หลังจากได้ยา อาจต้องมีการแนะนำ และตรวจติดตามทุกครั้ง จึงจะมีประสิทธิภาพในการรักษาค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
เคยเป็นฝีตรงบริเวณขาหนีบค่ะรักษาโยการปรึกาเภสัชกรค่ะเค้าให้ยา แอนตี้ไวรัส veemycin มาทานค่ะร่วมกับใช้แผ่นเป๊ะฝีแปะร่วมด้วยตอนนี้หายได้เดือนนึงแล้วค่ะแต่ตอนนี้รุ้สึกกลับมาเจบๆเสียวตรงที่เคยเป็นฝีมาก่อนมันจะกลับมาเปนอีกไหมค่ะ
ถ้าทำหมันแล้วแต่อยากมีน้องกิน Folic acid ช่วยได้ไหมค่ะ..
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)