March 30, 2019 13:08
ตอบโดย
สุพิชชา แสงทองพราว (พญ.)
สวัสดีค่ะ อาการปวดคอบ่าไหล่ ที่พบได้บ่อย เรียกว่าเป็นกลุ่มอาการของโรคออฟฟิสซินโดรม( Office syndrome) ค่ะ เกิดจากการที่อยู่ท่าเดิมนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการเกร็งตัวอยู่ตลอด เกิดเป็นกล้ามเนื้ออักเสบ หากอาการเรื้อรัง อาจเกิดเป็นผังผืดขึ้นมาได้ค่ะ(Myofascial pain sydrome) จึงทำให้เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อเกิดการยึดติด มีอาการดึงรั้งของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆที่อยู่ใกล้เคียงกัน จึงทำให้มีอาการปวด
การรักษาเบื้องต้น สามารถรับประทานยาลดอักเสบ คลายกล้ามเนื้อเพื่อบรรเทาอาการได้ และควรจะต้องออกกำลังกาย เพื่อเป็นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อส่วนที่เกร็งนั้นออก(Stretching) และเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงมากขึ้น อาจจะฝึกตามท่าโยคะท่าง่ายๆต่างๆเพื่อเป็นการยืดกล้ามเนื้อ ควรทำเป็นประจำทุกวัน สามารถค้นหาท่าบริหารยืดเหยียดกล้ามเนื้อเพิ่มเติมได้ค่ะ
การจัดท่าทางต่างๆ ของการนั่ง ก็ควรทำให้ถูกตำแหน่ง และมีการลุกขึ้นหรือเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง ระหว่างที่ทำงาน
การออกกำลังที่ปลอดภัยและแนะนำเช่น การว่ายน้ำ การเดิน เป็นต้น ควรทำสม่ำเสมอ อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ การออกกำลังประเภทนี้ จะช่วยทำให้เลือดไหลเวียนสะดวกขึ้น ทำให้อาการอักเสบลดลง และเป็นการคลายกล้ามเนื้อไปในตัว จะช่วยลดอาการได้
นอกจากนี้แพทย์ทางเลือก เช่น การฝังเข็มแผนจีน และครอบแก้ว สามารถช่วยลดการอักเสบและทำให้การหดเกร็งของกล้ามเนื้อลดลง ทำให้กล้ามเนื้อคลายลง และช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้นเพื่อลดอาการปวดได้เช่นกันค่ะ
อย่างไรก็ดี ถ้าหากอาการเป็นมานาน หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ชาตามแขน อาการปวดต้นคอร้าวลงแขน อาจจะต้องนึกถึงโรคอื่นร่วมด้วย เช่น หมองรองกระดูกคอเสื่อม เป็นต้นค่ะ ถ้ามีอาการดังกล่าว แนะนำให้พบแพทย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ (ออโธปิดิกส์) ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
คุณหมอคะ ตอนนี้ ปวดบ่าข้างซ้ายค่ะ จะเป็นอันตรายมั้ยคะ มีผล mri ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)