December 11, 2018 23:42
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การรับประทานยาคุมฉุกเฉินนั้นจะมีผลต่อประจำเดือนเฉพาะรอบเดือนที่รับประทานยาเท่านั้นครับ ถ้าหากหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินได้มีประจำเดือนมาแล้ว หลังจากนั้นการขาดประจำเดือนก็จะไม่เกี่ยวข้องกับยาคุมฉุกเฉินครับ
เมื่อมีการขาดประจำเดือนไปในอันดับแรกก็ควรมีการตรวจการตั้งครรภ์ให้แน่ใจก่อนว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ในที่นี้หมอแนะนำให้ลองประเมินวิธีการตรวจการตั้งครรภ์ครั้งที่ผ่านมาก่อนครับว่าได้ตรวจอย่างถูกต้องหรือไม่
การตรวจการตั้งครรภ์ที่ถูกต้องนั้นจะต้องตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ถ้าหากตรวจตามนี้ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ แต่ถ้าหากยังตรวจได้ไม่ถูกต้องหมอก็แนะนำให้ลองตรวจใหม่อีกครั้งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมครับ
ถ้าหากตรวจการตั้งครรภ์ได้อย่างถูกต้องและมั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์แล้ว สาเหตุของการขาดประจำเดือนก็อาจเกิดได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- ไม่มีการตกไข่ในรอบเดือนที่ผ่านมา
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- มีภาวะถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- ความเครียด
ถ้าหากประจำเดือนเพิ่งขาดไปเพียง 3 วัน หมอก็แนะนำให้ใจเย็นๆและรอประจำเดือนต่อไปก่อนครับ แต่ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานกว่า 3 เดือนก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ
ทั้งนี้ยังไม่แนะนำให้ซื้อยาใดๆมารับประทานเองเพื่อเร่งประจำเดือนจนกว่าจะทราบสาเหตุของการขาดประจำเดือนที่แน่ชัดครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
จากที่เคยมีการศึกษาเกี่ยวกับผลของยาคุมฉุกเฉินต่อประจำเดือน พบว่า ในกรณีที่ไม่มีการตั้งครรภ์ ผู้ใช้ส่วนใหญ่ (มากกว่า 90%) จะมีประจำเดือนในรอบที่ใช้ยามาตรงเวลา หรือคลาดเคลื่อนไม่เกิน 4 วันจากวันที่คาดการณ์ไว้นะคะ และผู้ใช้เกือบทั้งหมด (ประมาณ 99%) จะมีประจำเดือนในรอบถัดมาตรงเวลา หรือคลาดเคลื่อนไม่เกิน 4 วันค่ะ
ดังนั้น หากที่ผ่านมาผู้ถามมีประจำเดือนมาตรงเวลาสม่ำเสมอ การใช้ยาคุมฉุกเฉินก็ไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนไปจากปกติมากนะคะ
..
..
และนับจากวันที่ 9 พฤศจิกายน มาจนถึงปัจจุบัน ถ้าผู้ถามไม่มีเพศสัมพันธ์เลย ก็ไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ค่ะ
แต่ถ้าผู้ถามมีเพศสัมพันธ์ ก็ต้องพิจารณาว่าป้องกันด้วยวิธีไหน และใช้เหมาะสมหรือไม่ เพราะไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดที่สามารถป้องกันได้ 100% อย่างไรก็ตาม ถ้าใช้วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง และใช้อย่างถูกวิธี ก็จะมีความเสี่ยงค่อนไปทางต่ำ แต่ความเสี่ยงจะสูงขึ้น หากใช้ไม่เหมาะสม หรือเลือกวิธีที่ไม่มีประสิทธิภาพมาป้องกันนะคะ
ในกรณีที่ประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติ แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจนค่ะ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
ถ้าตรวจถูกวิธี และตรวจในเวลาที่เหมาะสม เมื่อได้ผลตรวจเป็น 1 ขีด ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% ว่าไม่ตั้งครรภ์ค่ะ
แต่ถ้าผู้ถามตรวจไม่ถูกวิธีตามที่ระบุไว้ในฉลาก หรือตรวจในเวลาที่ไม่เหมาะสม ผลตรวจนั้นจะเชื่อถือไม่ได้ จึงแนะนำให้ตรวจซ้ำใหม่ให้ถูกต้องนะคะ
..
..
ในกรณีที่ไม่มีการตั้งครรภ์ ก็ไม่จำเป็นจะต้องรับประทานยาหรือสมุนไพรใด ๆ เพื่อเร่งให้ประจำเดือนมาค่ะ เพราะอาจยิ่งทำให้ฮอร์โมนแปรปรวนและมีประจำเดือนคลาดเคลื่อนยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกันตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่เหมาะสมนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
เมื่อปลายเดือนตุลาคมมีการทานยาคุมฉุกเฉิน จากนั้นประจำเดือนของเดือนพฤศจิกายนมาปกติ (รอบเดือน 9-13 ) แต่เดือนธันวาประจำเดือนยังไม่มาขาดมา 3 วันแล้ว มีเพศสัมพันธ์ป้องกันทุกครั้ง ตรวจครรภ์แล้วไม่พบ อยากทราบว่าเป็นผลมาจากการทานยาคุมฉุกเฉินหรือไม่ และควรทำยังไงให้ประจำเดือนมาปกติควรทานยาหรือไม่
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)