สวัสดีค่ะ คือ มีอะไรกับแฟน ทีนี้อยากเริ่มทานยาคุม เพราะยังไม่พร้อม 1.ควรทานเป็นยี่ห้อไหนดีคะ(ยังไม่เคยทานยาคุมเลย) 2.แล้วไม่ได้เจอกันกับแฟนบ่อย เพราะอยู่กันคนละที จะเจอกันประมาณ 2-3 เดือนครั้ง อยู่ด้วยกัน 3-5 วันต้องทานทุกเดือนต่อเนื่องมั๊ยคะ หรือทานเฉพาะช่วงที่จะเจอกันได้มั๊ย 3.แล้วการทานยาคุม มีผลข้างเคียงตอนหยุดทาน และอยากมีน้องมั๊ยคะ

1. ควรทานเป็นยี่ห้อไหนดีคะ (ยังไม่เคยทานยาคุมเลย)

หากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วโดยไม่ป้องกัน จะต้องรับประทานเป็น "ยาคุมฉุกเฉิน" นะคะ

ซึ่งมีหลายยี่ห้อ เช่น โพสตินอร์, มาดอนนา, แมรี่พิงค์, นอร์แพ็ก, เลดี้นอร์, เมเปิ้ลฟอร์ท และแทนซีวัน

โดยจะใช้ยี่ห้อใดก็ได้ที่หาซื้อได้สะดวกและรวดเร็วค่ะ เนื่องจากทุกยี่ห้อมีตัวยาเดียวกันและมีปริมาณยารวมทั้งแผงเท่ากัน จึงมีประสิทธิภาพและผลข้างเคียงไม่แตกต่างกัน

แต่ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงมากค่ะ แม้จะใช้เร็วและครบขนาด ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15%

2. แล้วไม่ได้เจอกันกับแฟนบ่อย เพราะอยู่กันคนละที่ จะเจอกันประมาณ 2 - 3 เดือนครั้ง อยู่ด้วยกัน 3 - 5 วันต้องทานทุกเดือนต่อเนื่องมั๊ยคะ หรือทานเฉพาะช่วงที่จะเจอกันได้มั๊ย

ถ้าต้องการใช้ "ยาคุมรายเดือน" จะต้องใช้ให้ถูกต้องและมีผลคุมกำเนิดจากยาก่อนจึงจะมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางได้

และเพื่อไม่ให้ฮอร์โมนแปรปรวนก็ควรต้องใช้ต่อเนื่องกันทุกวันให้ครบแผงค่ะ (ใช้ยาคุมรายเดือน 1 แผง/28 วัน) และหากต้องการผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง ก็จำเป็นจะต้องรับประทานติดต่อกันไปตลอด

หากใช้ยาคุมรายเดือนถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.3% นะคะ

ซึ่งในกรณีนี้ การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าค่ะ เพราะสามารถเลือกใช้เฉพาะวันที่มีเพศสัมพันธ์ได้ ไม่ต้องใช้ไปตลอดเหมือนกับยาคุมรายเดือน จึงไม่ต้องทนกับผลข้างเคียงจากยา

ซึ่งถ้าใช้ถุงยางถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์แค่ 2% นะคะ

3. แล้วการทานยาคุม มีผลข้างเคียงตอนหยุดทาน และอยากมีน้องมั้ยคะ

ยาคุมกำเนิดไม่ได้ส่งผลให้มีบุตรยากเมื่อหยุดใช้ค่ะ เมื่อไม่ได้รับประทานยาคุมต่อ ก็จะมีไข่ตกและพร้อมมีบุตรได้เร็วค่ะ

การหลั่งนอกเป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพต่ำค่ะ นั่นคือ มีโอกาสผิดพลาดและตั้งครรภ์ได้ 22% (จะเห็นได้ว่าความเสี่ยงสูงกว่าการใช้ถุงยางที่ถูกต้องและไม่รั่วซึมมากกว่า 10 เท่า)

ดังนััน ในกรณีนี้ หากยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ จะต้องรับประทาน "ยาคุมฉุกเฉิน" นะคะ

ส่วน "ยาคุมรายเดือน" ให้รอประจำเดือนมาก่อน (ต้องเป็นประจำเดือนจริง ๆ ที่มาตามรอบปกติ ไม่ใช่เลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน) แล้วจึงเริ่มใช้ยาคุมรายเดือนแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนค่ะ
..
..
..
ถ้ารับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ "ยาคุมรายเดือน" ทุกยี่ห้อก็มีประสิทธิภาพสูงไม่แตกต่างกันค่ะ ดังนั้น หากผู้ถามไม่มีโรคประจำตัว และไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ก็สามารถเลือกใช้ยี่ห้อใดก็ได้นะคะ

แต่ถ้าผู้ถามมีโรคประจำตัว หรือมีข้อจำกัดใด ๆ ในการใช้ยา ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมและพิจารณาการใช้ยาคุมกำเนิดหรือวิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ ที่เหมาะสมค่ะ

1. ในกรณีของผู้ถามซึ่งมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วโดยป้องกันด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพต่ำอย่างการหลั่งนอก ยังไม่แนะนำให้ใช้ "ยาคุมรายเดือน" นะคะ เนื่องจากไม่มีประโยชน์ในการป้องกันฉุกเฉิน และยิ่งทำให้ประจำเดือนเลื่อนช้าออกไปมากขึ้น

แต่ถ้ายังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ผู้ถามสามารถรับประทาน "ยาคุมฉุกเฉิน" ได้ค่ะ ซึ่งมีหลายยี่ห้อตามที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ทุกยี่ห้อมีประสิทธิภาพและผลข้างเคียงไม่แตกต่างกันค่ะ จึงใช้ยี่ห้อใดก็ได้ที่สามารถหาซื้อได้สะดวกนะคะ

2. เมื่อประจำเดือนมาตามรอบปกติแล้ว และต้องการใช้ "ยาคุมรายเดือน" ให้เริ่มรับประทานภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนค่ะ

ส่วนจะใช้ยี่ห้อใดนั้น ต้องดูว่าผู้ถามมีข้อจำกัดใด ๆ หรือไม่ ซึ่งหากผู้ถามไม่มีโรคประจำตัวหรือข้อจำกัดใด ๆ เลย ก็สามารถจะใช้ยาคุมยี่ห้อใดก็ได้ค่ะ เนื่องจากยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม "ส่วนใหญ่" ที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน จะเป็นชนิดฮอร์โมนต่ำ (Low dose contraceptive pill) ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นใช้อยู่แล้ว เพราะมีผลข้างเคียงน้อยกว่าชนิดฮอร์โมนสูง โดยเฉพาะอาการคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งมักพบในช่วงแรก ๆ ของการใช้

แต่ถ้าผู้ถามมีโรคประจำตัว หรือไม่มั่นใจ แนะนำให้ไปพบแพทย์/สูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมและพิจารณาการใช้ยาคุมหรือวิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ ที่เหมาะสมนะคะ

3. ถ้าใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมแบบ 28 เม็ด ซึ่งเกือบทุกยี่ห้อจะระบุตัวเลข 1 - 28 ไว้ในแผงยา ตัวเลขดังกล่าวคือ "ลำดับการใช้" ค่ะ (ไม่ใช่ "วันที่ตามปฏิทิน") จึงให้รับประทานเรียงลำดับจาก 1 ไปหา 28 นะคะ

และเมื่อใช้หมดทั้ง 28 เม็ดแล้ว วันต่อมาก็ให้ต่อยาคุมแผงใหม่ได้เลยค่ะ ประจำเดือนจะมาในช่วงที่รับประทาน "เม็ดแป้ง" ของแผง ซึ่งอาจมี 7 เม็ด หรือ 4 เม็ด ขึ้นกับยี่ห้อที่ใช้ค่ะ

หากไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย (เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง) เลือดกะปริบกะปรอยที่พบน่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมที่ใช้ค่ะ อาจพบในการใช้ยาคุมแผงแรก ๆ (1 - 3 แผงแรก) หรือเมื่อรับประทานไม่ตรงเวลา ซึ่งโดยปกติ ผลข้างเคียงนี้จะหายไปเองได้โดยไม่จำเป็นจะต้องหยุดใช้ยาคุม แค่เพียงให้รับประทานยาคุมต่อให้ตรงเวลาสม่ำเสมอนะคะ
..
..
แต่ถ้ามีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย หรือพบเลือดกะปริบกะปรอยบ่อย ๆ หรือนานมากทั้งที่รับประทานยาคุมตรงเวลาสม่ำเสมอ แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ