January 11, 2019 18:11
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
การใช้ยาคุมรายเดือนแผงแรก จะแนะนำให้รับประทานภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้ไม่ได้มีการตั้งครรภ์อยู่ค่ะ และการใช้ในช่วงเวลานี้ จะถือว่ายามีประสิทธิภาพที่จะยับยั้งไข่ที่กำลังจะตกในรอบเดือนนั้นได้ทัน จึงถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทาน และสามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้เลยโดยไม่จำเป็นจะต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยนะคะ
หากผู้ถามเริ่มมีประจำเดือนมาในวันที่ 5 มกราคม ช่วงเวลาที่แนะนำให้เริ่มรับประทานยาคุมรายเดือนแผงแรกคือระหว่างวันที่ 5 - 9 มกราคมนั่นเองค่ะ และเมื่อผู้ถามเริ่มรับประทานยาในวันที่ 9 มกราคม ก็ถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้เลยนะคะ
การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือน จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% ค่ะ และถ้ารับประทานยาคุมถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ความเสี่ยงจะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวล
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
พิชญาพร กูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ
การรับประทานต่อเนื่องตรงเวลาสม่ำเสมอมีผลหลังรับประทานต่อเนื่องอย่างน้อย 7 วัน สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้เลยค่ะ มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมาก ไม่ถึง 1%
ณ วันที่ 9 ยายังไม่เพียงพอจะคุมกำเนิดค่ะ
“กินยาได้ 3 วัน แล้วมีเพศสัมพันธ์” แสดงว่ามีเพศสัมพันธ์วันที่11 ยังอยู่ในระยะปลอดภัยค่ะ
แต่การนับระยะปลอดภัย มีโอกาสผิดพลาดสูงมาก เนื่องจากการคลาดเคลื่อยตามธรรมชาติ และหลังมีการหลั่งอสุจิภายใน ตัวอสุจิยังสามารถดำรงอยู่ต่อได้ถึง 5 วันในระบบสืบพันธ์เพศหญิงค่ะ
ดังนั้นมีโอกาสในการตั้งครรภ์ได้
แนะนำตรวจการตั้งครรภ์ด้วยปัสสาวะหลังคาดว่ามีการปฏิสนธิ 14 วัน ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ขออนุญาตแนะนำเพิ่มเติมนะคะ
การใช้ยาคุมแผงแรก หากใช้ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ทันทีหลังรับประทานค่ะ จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้เลย ไม่จำเป็นจะต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย
แต่ถ้าใช้ยาคุมแผงแรกไม่ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน จะต้องงดมีเพศสัมพันธ์ หรือต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย ไปจนกว่าจะรับประทานยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมติดต่อกันจนครบ 7 วันค่ะ
ในกรณีนี้ ถ้าเลือดที่ออกมาในวันที่ 5 มกราคม เป็นประจำเดือนจริง ๆ (นั่นคือ มีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน + มาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วัน + มาตรงตามรอบประจำเดือนปกติ) ก็ถือว่าการใช้ยาในวันที่ 9 มกราคม อยู่ในช่วง 5 วันแรกของการมีประจำเดือนค่ะ จึงถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้เลยนะคะ
แต่ถ้าเลือดที่ออกมานั้นไม่ใช่ประจำเดือน แต่เป็นเพียงเลือดกะปริบกะปรอยจากสาเหตุอื่น ๆ ผู้ถามจะต้องรับประทานยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ดูคำถามและคำตอบอื่นที่คล้ายกัน
การฝั่งเข็มคุมกำเนิด เเล้วทำให้ประจำเดือนไม่มา จะส่งผลกับร่างกายเราทางด้านใดบ้างมากน้อย เพียงใด ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการฝั่งเข็ม ควรเเก้ไขอย่างไร
ไม่เคยเป็นประจำเดือนตั้งแต่คลอดลูกมาจนลูก2ปีแล้วเพิ่งเป็นแค่ครั้งสองครั้งเอง เกี่ยวกันกับฉีดยาคุมใหมเพราะตัวเองฉีดยุค่ะ แต่ตอนเป็นประจำเดือนกับเป็นเลือดสีดำสนิจเป็นไรใหมค่ะ
การมีประจำเดือนมาไม่ปกติเกิดจากสาเหตุอะไรค่ะ
ประจำเดือนมาไม่ปกติ คือ2-5 เดือนมาครั้ง จะเป็นอันตรายไรมั้ยคะ
อายุ44แล้ว แต่เวลามีรอบเดือน ปวดช่วงท้องน้อยมาก และ มีใข้ ใกล้ถึงวัยทองหรือเปล่าคะ?
เคยอ่านมาว่าให้เริ่มทานยาคุุมกำเนิดภายใน 1-5 วัน ของวันที่เริ่มเป็นประจำเดือน แล้วเราเป็นประจำเดือนวันที่ 5 แล้วเราเริ่มกินยาวันที่ 9 กินยามาได้ 3 วัน แล้วมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุง แล้วในกรณีนี้มันอยู่ในช่วง หน้า 7 หลัง 7 ด้วย มีโอกาสท้องไหมคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)