ประจำเดือนมาวันที่3หมดวันที่7 มีอะไรกับแฟนวันที่14(โดยสวมถุงยางอนามัย)หลังจากนั้นทานยาคุมปกติ2เม็ดภายใน72ชั่วโมงและหละงจากนั้นอีก2เม็ดภายใน12ชั่วโมง แล้ววันนี้วันที่19มีอาการเลือดออกมาจากช่องคลอดแต่ประจำเดือนพึ่งจะหมดไปวันที่7อยากทราบว่ามีโอกาสจะตั้งครรภ์ไหมคะ เพราะทานยาคุมไปและทานยาสตรีควบคู่มาได้ประมาณ12-13วันค่ะ มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ไหมคะและเป็นเพราะอะไรถึงมีเลือดออกจากช่องคลอด

1. มีโอกาสจะตั้งครรภ์ไหมคะ

หากใช้ถุงยางอนามัยถูกต้องและไม่มีปัญหารั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวลค่ะ

ส่วนการใช้ยาคุมของผู้ถาม ถ้าเริ่มใช้ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน (เนื่องจากให้ข้อมูลว่าใช้ยาคุมและยาสตรีควบคู่กันมา 12 - 13 วันแล้ว) จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% นะคะ อย่างไรก็ตาม การรับประทานที่ไม่เหมาะสมของผู้ถาม อาจทำให้ความเสี่ยงสูงกว่าผู้ที่รับประทานอย่างถูกต้องและตรงเวลาค่ะ

ส่วนยาสตรี ไม่มีผลคุมกำเนิด จึงไม่มีประโยชน์ในการลดความเสี่ยงที่ผู้ถามกังวลค่ะ

2. เป็นเพราะอะไรถึงมีเลือดออกจากช่องคลอด

หากไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง เลือดกระปริบกะปรอยดังกล่าวน่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมกำเนิด โดยเฉพาะเมื่อใช้อย่างไม่เหมาะสม หรืออาจเป็นผลจากการใช้ยาสตรีก็ได้เช่นกันค่ะ

สวัสดีครับ
การที่ได้มีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยแล้วจะทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาคุมใดๆเพิ่มเติมอีกครับ นอกจากนี้การรับประทานยาคุมแบบรายเดือนเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์นั้นก็จะต้องรับประทานยาต่อเนื่องกันวันละ 1 เม็ดไปเรื่อยๆ การรับประทานยาคุม 2 เม็ดห่างกัน 12 ชั่วโมงจะไม่มีผลช่วยป้องกันการตั้งครรภ์แต่อาจทำให้มีผลข้างเคียงทำให้มีเลือดออกผิดปกติในตอนนี้ได้ครับ

ในตอนนี้หมอแนะนำให้รอสังเกตประจำเดือนของรอบเดือนนี้ไปก่อน ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ