December 30, 2018 13:55
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การเป็นทอนซิลอักเสบนั้นไม่มีผลต่อการมาของประจำเดือนครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยนั้นถึงแม้จะใช้ได้อย่างถูกต้องก็จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 2% ครับ
ดังนั้นถ้าหากมีการขาดประจำเดือนไป หมอก็แนะนำว่าควรลองตรวจการตั้งครรภ์ดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้ามนการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ ประจำเดือนก็อาจมาช้าไปได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ไม่มีการตกไข่ในรอบเดือนที่ผ่านมา
- ความผิดปกติของรังไข่หรือมดลูก
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- ความเครียด
ซึ่งในกรณีนี้ก็อาจรอประจำเดือนต่อไปก่อนได้อีกระยะหนึ่งครับ แต่ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานกว่า 3 เดือนก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สวัสดีค่ะ หนุมีเพศสัมพันธ์กับแฟนเมื่อวันที่ 4และ6 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยแฟนใส่ถุงยางและออกมาชักต่อข้างนอกจนเสร็จค่ะ และวันที่ 8เป็นทอลซิลอักเสบเป็นหนองที่คอและจมูก ต้องส่องกล้องดูในจมูกค่ะ บวกกับมีไข้นิดหน่อย....ได้ยามาทาน 10วันและยังไม่หายดีเลยไปซื้ออ็อกเมตินมาทานเพิ่มอีก 5วัน(10เม็ดค่ะ) ตอนนี้ประจำเดือนยังไม่มาเลยค่ะ จริงๆน่าจะมาวันที่ 26แต่วันนี้ 30แล้วค่ะ มีท้องเสียบ้าง(ปกติเวลาเมนจะมา) แล้วก้มีจุกตรงแถวอก ลิ้นปี่ค่ะ ปกติประจำเดือนจะมาไม่ค่อยตรงกันค่ะ แล้วหนูจะชอบเครียดด้วย จะกังวลว่าเมนจะมาวันไหนค่ะ....อยากทราบว่าเป็นทอลซิลอักเสบมีผลกับประจำเดือนมั้ยคะ...ขอบคุณค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)