เดือนเมษา ปจด มา วันที่ 1-4 ปกติคะ เริ่มทานยาคุมแบบ28 เม็ด แล้วมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใส่ถุง ในวันที่ 24 เมษา ไม่มั่นใจว่าอยู่ในช่วงไข่ตกไหม? และ วันที่ 30 มีเลือดออกมาแต่เป็นสีดำ วันที่ 1 มีเลือดสีแดงสดออกมาเหมือน ปจด และหายไป ในวันที่ 2-3 พค เลยไม่มั่นใจ ว่าในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์มีสิทธิ์ท้องไหม และเลือดที่ออกคือเลือด ปจด หรือเลือด ล้างหน้าเด็กคะ?

สวัสดีครับ
โดยปกติแล้วในช่วงที่รับประทานยาคุมอยู่จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 0.3-8% ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการรับประทานยาครับ และในช่วงที่รับประทานยาคุมชนิด 28 เม็ด ประจำเดือนก็จะมาในช่วงที่รับประทานยาเม็ดแป้ง 4-7 เม็ดสุดท้ายของแผงขึ้นอยู่กับยี่ห้อของยา

ถ้าหากประจำเดือนไม่ได้มาในลักษณะนี้หมอก็แนะนำว่าควรลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันให้แน่ใจก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

แต่ถ้าหากต้องการข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้นหมอก็รบกวนขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้ครับ
- รับประทานยาคุมยี่ห้ออะไร
- ปัจจุบันยังรับยาคุมอยู่หรือไม่ และรับประทานยาคุมถุงเม็ดที่เท่าไหร่ของแผงแล้ว
- วันที่มีประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายคือวันที่เท่าไหร่

เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านมาหลายเดือนแล้ว ดังนั้น หากผู้ถามกังวลว่าจะตั้งครรภ์ ก็ควรให้ชัดเจนนะคะ

ซึ่งในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์มาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน แนะนำให้ใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ
..
..
..
และถ้ายาคุมแบบ 28 เม็ดที่ผู้ถามใช้ เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยว ได้แก่ เอ็กซ์ลูตอน, เดลิต้อน หรือซีราเซท ก็จะมีผลข้างเคียงเด่น ๆ คือ การมีเลือดออกกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือนได้

หากผู้ถามใช้ยาคุมถูกต้องและตรงเวลา การที่มีเลือดออกกะปริบกะปรอยตามที่กล่าวมา หรือการที่ไม่มีประจำเดือนในช่วงนี้ (ถ้ามีปัญหาว่ายังไม่มีประจำเดือน) ก็น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมนั่นเองค่ะ
..
..
..
แต่ถ้ายาคุมแบบ 28 เม็ดที่ผู้ถามใช้เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม (ก็คือยาคุมยี่ห้ออื่น ๆ นอกเหนือจาก 3 ยี่ห้อที่กล่าวไปข้างต้น) ก็ควรจะมีประจำเดือนมาในช่วงที่รับประทานเม็ดแป้งของแผงนะคะ

ดังนั้น ถ้ายังใช้อยู่ แต่ไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกันหลายเดือน ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมค่ะ

หากคนไข้มีความเสี่ยงและประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ก้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ครับ ฉะนั้นหมอแนะนำให้ ตรวจการตั้งครรภ์ภายหลังมีความเสี่ยงประมาณ14วัน ครับ เพื่อยืนยันว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ โดยการตรวจเบื้องต้นทางปัสสาวะในตอนเช้าหลังตื่นนอนครัง

สวัสดีครับ
หากทานบาตุมกำเนิดสม่ำเสมอ มานานกว่า 7 วัน โดยไม่ลืมกินเลย โ กาสกาาตั้งครรภ์ต่ำมากครับ
ดังนั้น หากทานได้ถูกต้องคนไข้สบายใจเรื่องการตั้งครรภ์ได้ครับ

กรณีปนะขำเดือนมาน้อย
หากทานยาไม่สม่ำเสมอ มีลืมทาน อาจเกิดจากการตั้งครรภ์ได้ กรณีนี้ แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ครับ

หากไม่ได้ตั้งครรภ์ อาการดังกล่าว อาจเกิดได้ยาก ผลข้างเคีนงของยาคุมกำเนิด โรคติดเชือทางเพศสัมพันธฺ โรคเกี่ยวกับมดลูก หรือรัไข่ได้ หากกังวลใจควรไปพบสูตินรีแพทย์ครับ

เบื้องต้นถ้าประจำเดือนขาดไป และมีประวัติมีเพศสัมพันธ์ โดยสอดใส่และไม่ป้องกัน มีโอกาสตั้งครรภ์ครับ
แนะนำให้ซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตนเองมาทดสอบครับ โดยเก็บปัสสาวะหลังตื่นนอนซึ่งเป็นปัสสาวะใหม่ครับ
โดยตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 2 สัปดาห์
และถ้าผลลบแนะนำให้ทดสอบซ้ำอีกครั้งหลังจากครั้งแรกอย่างน้อย 2-3 วัน หรือ 1 สัปดาห์ครับ (อาจเปลี่ยนยี่ห้อการตรวจครับ)

นอกจากนี้การที่มีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอนั้นอาจเกิดได้จากอีกหลายสาเหตุครับ เช่น

- มีปัญหาการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอ
- รังไข่ผิดปกติ เช่น การมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่
- ฮอร์โมนในเลือดผิดปกติ
- ความเครียด/วิตกกังวล/อารมณ์แปรปรวน
- การออกกำลังกายที่หนักเกินไป
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- ผลข้างเคียงของยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
เป็นต้นครับ

ถ้าตรวจการตั้งครรภ์ไม่พบ แนะนำจดบันทึกรอบประจำเดือนให้ชัดเจน และไปพบแพทย์สูตินรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

ยาคุมกำเนิด เป็นการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพค่ะ สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 95%

อย่างไรก็ตาม ไม่มีวิธีใดคุมกำเนิดได้ 100% ค่ะ

ตั้งแต่เดือนเมษายน ถ้าตั้งครรภ์ ตอนนี้ตรวจครรภ์ เห็นชัดเจนแล้วค่ะ สามารถไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูได้เลยค่ะ