March 20, 2019 22:36
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
เมื่อผู้ถามเริ่มรับประทานยาคุมในวันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ หากใช้ถูกต้องต่อเนื่องทุกวันก็ควรจะได้รับประทานเม็ดสุดท้ายของแผงในวันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคมนะคะ และจะต้องเว้นว่าง 7 วันในระหว่างวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม - วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม ก่อนที่จะต่อยาคุมแผงใหม่ในวันที่ 22 มีนาคม ซึ่งหากไม่มีการตั้งครรภ์ ก็ควรจะมีประจำเดือนมาในช่วงที่เว้นว่างดังกล่าวนั่นเอง
..
..
ดังนั้น การที่ผู้ถามมีเลือดออกมาจนชุ่มผ้าอนามัยในวันที่ 18 มีนาคม ก็น่าจะเป็นประจำเดือนที่มาตามรอบนั่นเองนะคะ ซึ่งโดยปกติควรจะมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วัน หากเป็นไปตามนี้ก็ถือว่าไม่มีการตั้งครรภ์แล้วค่ะ เมื่อเว้นว่างจนครบ 7 วันแล้ว ก็ให้ต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดในวันที่ 22 มีนาคมได้เลยนะคะ เพื่อให้มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกัน
..
..
หากใช้ยาคุมถูกต้อง ก็จะมีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกันทุกวันค่ะ ทั้งในวันที่รับประทานเม็ดยาทั้ง 21 เม็ด รวมถึง 7 วันที่เว้นว่างด้วย จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ (แต่ควรหลีกเลี่ยงวันที่มีประจำเดือนนะคะ เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องคลอดและอุ้งเชิงกราน)
..
..
การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือน ผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% และถ้ารับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ รวมถึงต่อยาคุมแผงใหม่ตรงตามกำหนด ความเสี่ยงก็จะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวลค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
เมื่อวันที่22ก.พ.กินยาคุมแผงแบบ21เม็ดครั้งแรกแล้วระยะเวลาที่กินยาไม่มีเพศสัมพันธ์เลย พอมาวันที่17มี.ค.มีเพศสัมพันธ์กับแฟนซึ่งเป็นช่วงยาหมดแผงแล้วแล้วถุงขาดแฟนบอกว่าเอาออกมาหลั่งนอกทันแต่หนูไม่มั่นใจว่าเอาออกมาทันหรือเปล่าหนูไม่ได้กินยาคุมฉุกเฉินแล้วพอมาอีกวันวันที่18มี.ค.หนูคิดว่าน่าจะเป็นประจำเดือนเพราะมาเกือบๆเต็มผ้าอนามัยหนูเลยอยากรู้ว่าหนูมีโอกาสท้องมั้ยคะ แล้วหนูยังสงสัยวาจริงๆแล้วประจำเดือนต้องมาวันที่22หรือเปล่า
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)