June 18, 2018 21:57
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ หมอขอตอบไล่ไปทีละข้อนะครับ
1. การมีเพศสัมพันธ์ไม่ส่งผลต่อการมาของประจำเดือนครับ เว้นแต่ว่ามีการตั้งครรภ์หลังจากการมีเพศสัมพันธ์ ก็จะทำให้ประเดือนขาดหายไป
2. ยาคุมฉุกเฉินมีผลทำให้ประจำเดือนมาเร็วหรือมาช้ากว่ากำหนด หรือเลือดออกกระปริดกระปรอยระหว่างรอบเดือนได้ แต่ผลนี้จะมีอยู่นานไม่เกิน 1 รอบประจำเดือนครับ เมื่อประจำเดือนมาแล้ว ผลดังกล่าวก็ถือว่าถึงจุดสิ้นสุดครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ขอบคุณมากครับ ละช่วงไหนเหมาะแก่การมีเพศสัมพันธ์ครับหมอ
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยไม่สามารถใช้การนับวันเพื่อดูช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ครับ เนื่องจากในบางครั้งผู้หญิงอาจมีการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอได้ ทำให้การนับวันปลอดภัยมีโอกาสผิดพลาดและเกิดการตั้งครรภ์ตามมาได้ง่าย
การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยต้องมีการใช้วิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพร่วมด้วยเสมอ เช่น
- ถุงยางอนามัย สามารถใช้ได้ทุกเมื่อ ไม่มีจำกัดช่วงเวลา มีข้อดีที่เหนือกว่าการคุมกำเนิดประเภทอื่น คือ สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย
- การคุมกำเนิดโดยใช้ฮอร์โมน ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบ ยาเม็ด ยาฉีด ยาฝัง แผ่นแปะผิวหนัง ถ้าเลือกใช้วิธีเหล่านี้ควรเริ่มใช้ครั้งแรกในช่วง 5 วันแรกของการมีประจำเดือน และต้องมีการใช้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอหลังจากนั้น เพื่อประสิทธิภาพที่ดีของการคุมกำเนิด
- ใส่ห่วงอนามัย เป็นการคุมกำเนิดโดยไม่ใช้ฮอร์โมนอีกวิธีหนึ่ง แต่ต้องทำโดยแพทย์เท่านั้นครับ
ถ้าหากมีเพศสัมพันธ์โดยใช้วิธีการคุมกำเนิดเหล่านี้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลาใดของรอบเดือน ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างปลอดภัยครับ โดยทุกวิธีข้างต้นสามารถป้องกันการตั้งครรถ์ได้มากกว่า 95%
ทั้งนี้ไม่มีวิธีการคุมกำเนิดวิธีใดที่ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ขอถามเพิ่มหน่อยครับ ปกติแฟนจะมีประจำเดือนวันที่14 แต่เดือนที่แล้วประจำเดือนมา2รอบ รอบแรกวันที่14 มา3วันมาเยอะและรอบ2วันที่24มา2วันแต่น้อยกว่าครั้งแรก สีเข้มขึ้น(เคยกินยาคุมฉุกเฉินตอนปลายเดือนเมษา) และเดือนนี้ได้มีเพศสัมพันธ์กันเมื่อวันที่3แต่ป้องกันโดยการใส่ถุงยางอนามัย ตอนนี้ประจำเดือนยังไม่มาแต่มีตกขาวมาแล้ว(แต่แฟนเรียกเมนส์ขาวไม่รู้เหมือนกันป่าว) อยากทราบว่า 1)จากเดือนที่แล้วประจำเดือนมา2รอบเดือนต่อๆไปควรนับวันมาของประจำเดือนยังใง 2)จากที่เล่ามามีโอกาสท้องมั้ยครับ ตอนนี้ผมกับแฟนเครียดมากๆเลย กลัวว่ามันจะท้อง ช่วยตอบหน่อยนะครับ
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
1. ไม่สามารถบอกได้ชัดเจนครับว่าควรนับรอบประจำเดือนจากวันไหน เพราะลักษณะดูเหมือนจะไม่ใช่ประจำเดือนตามปกติทั้ง 2 ครั้ง อาการเลือดออกในลักษณะนี้มักจะเกิดจากการที่ไข่ไม่ตกตามรอบที่ควรจะเป็นในเดือนนั้นครับ
2. มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ครับ เพราะไม่ว่าจะคุมกำเนิดด้วยวิธีใดก็ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100%
การรับประทานยาคุมฉุกเฉินป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 75-85% ส่วนถุงยางอนามัยนั้นป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากสุดที่ 98% ครับ
วิธีที่ดีที่สุดที่จะทราบว่าตั้งครรภ์หรือไม่ คือ ให้ซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจดู โดยให้ใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจครับ
ถ้าหากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปเมื่อ 3 มิถุนายน ตอนนี้ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้แล้วครับ ผลตรวจในช่วงนี้จะมีความน่าเชื่อถือได้ประมาณ 99%
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 386 บาท ลดสูงสุด 61%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ขอบคุณครับ ถ้าตรวจตอนนี้ก็สามารถรู้ได้เลยใช่มั้ยครับว่าท้องหรือไม่ท้อง แล้วผลตรวจมีความเชื่อถือได้ประมาณกี่%ครับคุณหมอ
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ถ้าหลังจากวันที่ 3 มิถุนายน ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กันอีก ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ตอนนี้ได้เลย โดยแนะนำให้ใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจครับ
ความน่าเชื่อถือของผลตรวจอยู่ที่ 99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอบคุณครับ คือให้แฟนตรวจแล้วครับ มันขึ้นขีดเดียวแสดงว่าไม่ท้องใช่มั้ยครับ แต่ทีนี้คือประจำเดือนยังไม่มาเลยครับ ถ้าแบบปลายเดือนละประจำเดือนยังไม่มาควรทำยังใงต่อครับคุณหมอ? คือกังวลครับเพราะเป็นครั้งที่2ที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยกัน ต่างคนต่างไม่เคยอะครับละก็กังวลกันมาก
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ถ้าตรวจแล้วขึ้น 1 ขีดก็แปลว่าไม่มีการตั้งครรภ์ครับ
สาเหตุของประจำเดือนมาไม่ตรงตามกำหนด ส่วนใหญ่มักเกิดจากการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอ หรือการที่ระดับฮอร์โมนผิดปกติไปครับ
นอกจากนี้ความเครียดและความกังวลก็อาจส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนในร่างกายได้ ทำให้ประจำเดือนเลื่อนห่างออกไปได้ครับ
ส่วนสาเหตุอื่นๆที่ทำให้ประจำเดือนมาช้าก็อาจเกิดจาก
- ความผิดปกติของรังไข่หรือมดลูก
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
ในเบื้องต้นแนะนำให้ทำใจให้สบายและรอประจำเดือนไปก่อนครับ เพราะได้ตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันไปแล้ว
แต่ถ้าหากประจำเดือนไม่มานานกว่า 3 เดือนจะเข้าข่ายภาวะขาดประจำเดือน ต้องไปตรวจหาสาเหตุกับแพทย์ครับ
ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ให้ปลอดภัยที่สุดนั้น ควรมีการคุมกำเนิดร่วมด้วย โดยจะเลือกวิธีการใดก็ขึ้นอยู่กับที่ทั้งคู่จะสะดวกใจใช้ครับ
หมอขอยกตัวอย่างวิธีที่นิยมใช้กันนะครับ
- ใช้ถุงยางอนามัย สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 85-98% โดยถ้าหากใช้ได้อย่างถูกต้อง ไม่มีการแตกรั่วประสิทธิภาพก็จะสูงถึง 98% ครับ
ขอเสียคือถุงยางอนามัยมีโอกาสแตกรั่วได้ และอาจรบกวนความรู้สึกเวลามีเพศสัมพันธ์
- รับประทานยาคุมแบบรายเดือน เป็นวิธีการคุมกำเนิดโดยใช้ฮอร์โมนที่มีราคาถูกที่สุด และสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์อยู่ที่ประมาณ 91-99% โดยประสิทธิภาพจะเข้าใกล้ 99% มาก ถ้าหากรับประทานได้ตรงเวลา ไม่ลืมรับประทานยา
ข้อเสียของการรับประทานยาคุมกำเนิด คือ ถ้าลืมรับประทานประสิทธิภาพก็จะลดลงครับ
- ฉีดยาคุมกำเนิด มีให้เลือกใช้ทั้งชนิดฉีดทุก 1 เดือน และ 3 เดือน ข้อดี คือ ให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูงกว่า 99% และไม่ต้องกังวลเรื่องการลืมรับประทานยา
แต่มีข้อเสีย คือ จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการรับประทานยาคุมแบบรายเดือน และต้องไปใช้บริการในโรงพยาบาลเท่านั้น
- ฝังยาคุมกำเนิด วิธีเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในปัจจุบัน โอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์มีเพียง 0.05% เท่านั้น ฝังยา 1 ครั้งอยู่ได้นาน 3 หรือ 5 ปีขึ้นอยู่กับชนิดยา
ข้อเสียคือ ราคาแพง และต้องไปโรงพยาบาลเพื่อฝังยา
แต่ในกรณีที่ยังอายุไม่เกิน 20 ปี สามารถไปติดต่อที่โรงพยาบาลตามสิทธิการรักษาบัตรทองเพื่อฝังยาคุมกำเนิดฟรีได้ครับ
ถ้าจะเลือกใช้วิธีการคุมกำเนิดโดยใช้ฮอร์โมนไม่ว่าจะเป็นยากิน ยาฉีด หรือยาฝัง ให้เริ่มใช้ครั้งแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน เพื่อให้ตัวยามีผลคุมกำเนิดทันทีตั้งแต่วันแรกที่ใช้
นอกจากนี้ถ้าต้องการให้การคุมกำเนิดปลอดภัยสูงขึ้นไปอีก การใช้ถุงยางอนามัยควบคู่ไปกับการคุมกำเนิดโดยใช้ฮอร์โมนแบบใดแบบหนึ่ง ก็จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีกว่าการคุมกำเนิดด้วยถุงยางอนามัยหรือการใช้ฮอร์โมนเพียงอย่างเดียวครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
อยากทราบว่า 1. การมีเพศสัมพันธ์มีผลต่อการมาของปจด.หรือไม่ 2. ยาคุมฉุกเฉินมีผลต่อการมาของปจด.หรือไม่และถ้ามี จะมีผลประมาณกี่เดือน
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)