สวัสดีค่ะ หนูอายุ22ปีค่ะ เป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ ส่วนมากจะเว้นประมาณ35+ ช่วงต้นๆปีบางครั้งจะเว้นไปประมาณ2-3เดือนเลยก็มี คือหนูมีอะไรกับแฟนวันที่14 ธค.63 (หลั่งนอก) วันต่อมาหนูเลยกินยาคุมฉุกเฉินไป แล้วประจำเดือนก็มาวันที่23-26(ปกติจะเป็นประจำเดือน5วัน) ต่อมาเวลาหนูมีอะไรกับแฟนก็ใส่ถุงยางตลอด แต่เว้นมาเดือนกว่าประจำเดือนก็ยังไม่มา(ช่วงนี้มีเรื่องเครียดด้วยค่ะ) หนูลองซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ2รอบตอนวันที่5,8 กุมภาก็ขึ้นขีดเดียว หนูเลยซื้อยาสตรีมากินจนเกือบหมดขวดที่2ก็ยังไม่มา แต่วันที่18กุมภาเริ่มมีตกขาวสีน้ำตาลมา ไม่มีกลิ่น หนูเลยหยุดกินยาสตรี ผ่านไปวันสองวันตกขาวเริ่มมีเลือดปนมาบ้างเป็นเลือดจางๆบ้าง มาจนถึงวันนี้(20กพ.)ตกขาวเริ่มหมดแต่มีอาการแสบคันบริเวณปากช่องคลอด อยากรู้ว่าหนูท้องไหมคะ แล้วเลือดที่ออกนับเป็นประจำเดือนไหม หรือเป็นผลข้างเคียงของยาคุม,ยาสตรี แล้วควรรักษา ดูแลตัวเอง ยังไงคะ

สวัสดีครับ การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งนอกและรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปนั้นจะยังมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้อยู่ครับ รวมถึงการที่มีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยนั้นถึงจะใช้ได้อย่างถูกต้องก็อาจมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 2% ดังนั้นถ้าประจำเดือนยังมาไม่ปกติก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ให้ถูกต้องก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ ถ้าหากตรวจอย่างถูกต้องแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ประจำเดือนก็จะมาช้าได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น - ไม่มีการตกไข่ในรอบเดือนที่ผ่านมา - ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ - ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS) - ไทรอยด์เป็นพิษ - การออกกำลังกายอย่างหักโหม - น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป - ความเครียด ซึ่งในกรณีนี้ก็ควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินหาสาเหตุก่อนถ้ามีประจำเดือน มาไม่สม่ำเสมอบ่อยๆครับ