May 12, 2018 22:20
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
เมื่อเริ่มรับประทานยาคุมแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงที่จะยับยั้งการตกไข่ในรอบเดือนนี้ได้เลย ดังนั้น เมื่อเริ่มรับประทานยาคุมรายเดือนไปแล้ว เดือนนี้ก็ไม่น่าจะมีไข่ตกแล้วค่ะ และหากใช้ต่อเนื่องตรงเวลาสม่ำเสมอ ไม่มีปัญหาที่อาจลดประสิทธิภาพของยาคุม ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อย เพียง 0.3% ดังนั้น ไม่ต้องกังวลนะคะ
และเมื่อเริ่มใช้ยาคุมแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน จะมีผลคุมกำเนิดได้เลย ดังนั้น สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้นะคะ ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ในวันก่อนที่จะเริ่มใช้ยา แม้ว่าการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันปลอดภัยอาจไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% แต่เนื่องจากเยื่อบุมดลูกไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมรับการฝังตัวของไข่ที่ผสมกับอสุจิ (ต่อให้มีไข่ตกออกมาหลังจากนั้นแล้วผสมกันได้) จึงมีความเสี่ยงน้อยมากที่จะตั้งครรภ์ และอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า เมื่อรับประทานยาคุมไปในช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็ไม่น่าจะมีไข่ตกในเดือนนี้อยู่แล้วค่ะ
ส่วนประจำเดือน จะมาในช่วงปลอดฮอร์โมนนะคะ นั่นคือ ถ้าใช้ยาคุมชนิด 21 เม็ด ก็จะมีประจำเดือนในช่วงเว้นว่าง 7 วันหลังใช้ยาหมดแผง หรือถ้าใช้ยาคุมฮอร์โมนรวมชนิด 28 เม็ด ก็จะมีประจำเดือนในช่วงที่รับประทานเม็ดแป้งค่ะ (อาจมีเม็ดแป้ง 7 เม็ด หรือ 4 เม็ดก็แล้วแต่ยี่ห้อของยาคุมที่ใช้) โดยมักจะมีประจำเดือนหลังใช้เม็ดยาฮอร์โมนหมดไปแล้ว 2 - 3 วันค่ะ
การต่อยาคุม ไม่ต้องสนใจวันที่มีประจำเดือนเหมือนในแผงแรกนะคะ หากใช้ยาคุมชนิด 21 เม็ด หมดแผงแล้วให้เว้นว่าง 7 วันก่อนต่อแผงใหม่ หรือถ้าใช้ยาคุมชนิด 28 เม็ด เมื่อใช้ยาเม็ดสุดท้ายของแผงแล้ว วันต่อไปก็เริ่มใช้แผงใหม่ได้เลย หากต่อยาคุมตามกำหนด จะมีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกันไปตลอดค่ะ
การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีประจำเดือน อาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องคลอดและอุ้งเชิงกรานได้นะคะ แม้จะสวมถุงยางอนามัยก็ตาม เพราะอาจเป็นเชื้อประจำถิ่นในร่างกายเราเองก็ได้ ดังนั้น ต่อไปควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลาที่มีประจำเดือนนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ขอบคุณที่ให้คำแนะนำตลอดมานะคะ ขอบคุณค่ะ
ตอบโดย
ธัชพล จิราวัฒนกุล (สูตินรีแพทย์)
ตอบคำถามแรกนะครับ
ประจำเดือนจะกลับมาเป็นรอบปกติครับเหมือนที่เคยเป็นครับ คือ 28 วันเหมือนเดิม แต่ว่าเริ่มนับวันแรกของรอบใหม่คือวันที่เป็นประจำเดือนนะครับ สาเหตุว่าช่วงที่กินยาคุมฉุกเฉินทำไมประจำเดือนถึงเลื่อนไปก็เพราะว่า ยาคุมฉุกเฉินมี hormone ที่ค่อนข้างแรง ทำให้ร่างกายไม่เกิดการหลุดลอกของผนังมดลูก แต่ยาระดับของยาในร่างกายลดลงถึงจุดๆหนึง ประจำเดือนก็จะมาครับ ซึ่งในเดือนต่อๆไป ถ้าไม่ได้มีการทานยาใดๆอีก ประจำเดือนก็จะมีแนวโน้มกลับมาสู่สภาวะปกติครับ
คำถามที่สองครับ
ช่วงวันที่สามของการมีประจำเดือน ถือว่าค่อนข้างปลอดภัยมากครับ ด้วยเหตุผลหลายๆประการครับ
1.เป็นช่วงที่คิดว่าโอกาสจะตกไข่น้อยมากๆครับ เพราะโดยปกติไข่จะตกอยู่ในช่วง 14 วันหลังจากมีประจำเดือน (ทั้งนี้ขึ้นกับแต่ละบุคคลด้วยนะครับ แต่โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 14 วัน)
2.ผนังโพรงมดลูกมีการหลุดลอกตัว ไม่เหมาะกับการฝั่งตัวของตัวอ่อนครับ ถึงมีแม้มีการตั้งครรภ์จริงก็ฝั่งตัวลำบากครับ
3.ช่วงที่เป็นประจำเดือนมีแต่เลือดเต็มช่องคลอดเต็มโพรงมดลูกไปหมด กว่าน้องๆอสุจิของเราจะฝ่าด่านเลือดเหล่านั้นเข้าไปได้ เค้าก็หมดแรงก่อนถึงเป้าหมายไปแล้วครับ
เพราะฉะนั้นด้วยประการทั้งปวง ทำให้มีโอากาสน้อยมากๆที่จะตั้งครรภ์ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ขอสอบถามเรื่องการทานยาคุมที่มีผลต่อไข่ตกหน่อยค่ะ ปกติเป็นคนมีรอบเดือน 28 วันทุกๆเดือนนะคะ แต่เดือนที่แล้วทานยาคุมฉุกเฉินไป เดือนนี้ประจำเดือนเลยเลื่อนไป 1 อาทิตย์ค่ะ อยากถามว่าหลังจากนี้รอบเดือนจะกลับมาตกเป็นรอบปกติมั้ยคะ เพราะว่ามีเพศสัมพันธ์ช่วงมีรอบเดือนเป็นวันที่ 3 แล้วถุงยางแตก กลัวว่าไข่จะตกพร้อมกันสองฟองหรือไม่ก็อสุจิจะมีอายุอยู่จนไปเจอกับไข่ตกรอบต่อไป ทานยาคุมแบบแผงวันที่มีรอบเดือนเป็นวันที่ 4 ช่วยป้องกันอะไรเพิ่มได้มั้ยคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)