สวัสดีค่ะขอสอบถามน่ะค่ะ คือเรามีไรกับแฟนโดยไม่ไส่ถุงยางและปล่อยในตลอดหลังจากประจำเดือนมาเราก็กินยาคุมแต่หมอที่เราไปซื้อยาบอกว่าเม็ด1ถึง14ให้ทานและให้ไส่ถุงยางร่วมด้วยแต่เราพึ่งกินถึงเม็ดที่8และมีเพศสัมพันธ์กับแฟนโดยไม่ไส่ถุงยางและปล่อยในหลังจากนั้นเราพึ่งกินไปได้11เม็ดแร้วก็ลืมกินเม็ดที่12ตื่นมาไม่ได้กินยาแล้วค่อยมากินวันถัดไปแต่เม็ดที่10เราไม่ได้มีไรกับแฟนจนมาถึงเม็ดที่17เราถึงมีไรกับแฟนนับตั้งแต่เม็ดที่10เราก็มีเลือดออกในช่องคลอดตลอดเพราะอะไรค่ะแล้วเราจะเป็นโรคอะไรที่ร้ายแรงรึเปล่า

ขอสอบถามเพิ่มนะคะ
1. ใช้ยาคุมยี่ห้ออะไร เนื่องจากยาคุมบางยี่ห้ออาจได้ใช้เม็ดแป้งก่อนเม็ดฮอร์โมน จึงต้องสอบถามให้มั่นใจเพื่อจะแนะนำได้เหมาะสมค่ะ
2. เลือดที่ออกมีปริมาณมากน้อยแค่ไหนคะ ต้องใส่แผ่นอนามัยหรือผ้าอนามัยหรือเปล่า และมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยหรือไม่ เช่น ปวดหน่วง ช่องคลอดมีกลิ่นคาวปลา หรืออาการอื่น ๆ ที่ไม่ปกติน่ะค่ะ

1. ยาคุมฟีมิน 30 จะมีเฉพาะเม็ดยาฮอร์โมน 21 เม็ด ไม่มีเม็ดแป้ง หากเริ่มใช้แผงแรกภายในวันที่ 1 - 5 ที่มีประจำเดือน สามารถคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานค่ะ ไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยางเพื่อคุมกำเนิดร่วมด้วยก็ได้ (การให้คำแนะนำว่าให้ใช้ถุงยางร่วมด้วยใน 14 วันแรก เป็นการอิงตามตำราเก่าค่ะ ซึ่งคำแนะนำนั้นเปลี่ยนแปลงแล้วในปัจจุบัน)

2. อาจพบผลข้างเคียงจากยาคุมโดยเฉพาะในเดือนแรก ๆ ที่ใช้ โดยมีเลือดกะปริบกะปรอยได้บ้างค่ะ ซึ่งจะค่อย ๆ หายไปเอง อย่างไรก็ตาม หากมีกลิ่นคาวปลาหรือคล้ายปลาเค็ม และมีอาการปวดหน่วงร่วมด้วย ถือว่าไม่ปกติค่ะ ไม่ใช่ผลข้างเคียงจากยาคุม แต่อาจเป็นการติดเชื้อในช่องคลอด แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมและรับการรักษาที่เหมาะสมนะคะ

3. อาการคัดตึงเต้านม อาจเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมค่ะ อย่างไรก็ตาม เมื่อไปพบแพทย์แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ในเรื่องดังกล่าวด้วยนะคะ เพื่อมีการตรวจเพิ่มเติมว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาคุม หรือเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ค่ะ และถ้าเป็นผลจากยาคุม หากใช้แล้ว 2 - 3 เดือนยังไม่หาย และทนผลข้างเคียงดังกล่าวไม่ได้ อาจเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้อที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยกว่าก็ได้นะคะ

ยาคุมฟีมิน 30 เป็นยาคุมชนิด 21 เม็ดค่ะ
เมื่อใช้หมดแผงแล้ว จะต้องเว้นว่าง 7 วันเป็นช่วงปลอดฮอร์โมนให้มีประจำเดือนมา

หากในช่วงที่ใช้ยา ไม่มีปัญหาการลืมรับประทานยาติดต่อกันตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป
โดยเฉพาะไม่ได้ลืมในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของแผง (เม็ดที่ 15 - 21)
ในช่วงเว้นว่าง 7 วันจะยังมีผลคุมกำเนิดได้ค่ะ สามารถมีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งในได้
(แต่ควรหลีกเลี่ยงวันที่มีประจำเดือนนะคะ เพราะอาจติดเชื้อได้ง่าย)
เมื่อเว้นว่างครบ 7 วัน ก็สามารถต่อแผงใหม่ได้ค่ะ

หากเริ่มใช้ฟีมิน 30 ถูกต้อง และรับประทานต่อเนื่องตรงเวลา ไม่ลืมรับประทานยา
และไม่มีปัญหาที่อาจทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง เช่น อาเจียน/ท้องเสีย/ใช้ยาบางอย่างร่วมด้วย
มีโอกาสน้อยมาก (0.03%) ที่จะตั้งครรภ์ค่ะ แม้จะมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเว้นว่าง 7 วันก็ตาม

แต่การที่ไม่เว้นว่าง 7 วัน จะทำให้เดือนนี้ไม่มีประจำเดือนมาค่ะ แต่ก็ไม่เป็นไรนะคะ ไม่อันตราย
ถ้าเริ่มใช้แผงแรกถูกต้อง สามารถรับประทานแผงใหม่ที่ใช้ไปแล้วต่อได้เลยค่ะ
แล้วหมดแผงที่สอง อย่าลืมเว้นว่าง 7 วันให้มีประจำเดือนมานะคะ

การใช้ยาคุมต่อกันนาน ๆ ไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ตาม ควรพบสูตินรีแพทย์อย่างน้อยปีละครั้งนะคะ

ยังใช้ยี่ห้อ "ฟีมิน 30" เหมือนเดิมใช่มั้ยคะ
ถ้าใช่... ในกรณีที่ลืมรับประทานฟีมิน 30 แค่ 1 เม็ด ยังมีผลคุมกำเนิดอยู่ค่ะ ไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยางร่วมด้วย

วันที่ 19 คงรับประทานยาไปแล้วใช่มั้ยคะ ถ้าเป็นตามนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มค่ะ รับประทานต่อตามปกติ

แต่ครั้งหน้า ถ้าลืมอีก แนวทางแก้ไขที่ถูกต้องคือให้รีบรับประทานทันทีที่นึกได้นะคะ
ถ้านึกได้ตอนที่จะต้องรับประทานเม็ดใหม่แล้ว ให้รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันเลย แต่อาจคลื่นไส้หน่อย
แล้ววันต่อ ๆ ไปก็ใช้ไปเรื่อย ๆ ตามปกติวันละ 1 เม็ดเหมือนเดิม

แต่สำหรับครั้งนี้ไม่ต้องรับประทานเพิ่มแล้วนะคะ

อย่างไรก็ตาม ถ้าลืมบ่อย ๆ ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดจะลดลงค่ะ
ดังนั้น ถ้าเห็นว่าลืมบ่อย อาจต้องเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ
เช่น แผ่นแปะคุมกำเนิด, ยาฉีดคุมกำเนิด, ยาฝังคุมกำเนิด หรือการใส่ห่วงอนามัยแทนนะคะ

ไม่หรอกค่ะ ไม่ต้องกังวล

ผลของยาคุมกับมะเร็งเต้านมยังไม่ชัดเจนนะคะ บางการศึกษาบอกว่าไม่เกี่ยว เพราะต่อให้ไม่ใช้ยาคุม ผู้หญิงก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมได้อยู่แล้ว แต่บางการศึกษาบอกว่ามีผล แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเมื่อหยุดใช้เกิน 10 ปี ความเสี่ยงนั้นก็จะกลับมาเท่ากับคนปกติที่ไม่ได้ใช้ยาคุมค่ะ

ส่วนมะเร็งปากมดลูก สาเหตุหลักยังเป็นการติดเชื้อ HPV นะคะ ในกรณีที่พบมะเร็งปากมดลูกในผู้ที่ใช้ยาคุมอาจเป็นเพราะว่า เมื่อใช้ยาคุมแล้วก็จะไม่มีการใช้ถุงยางอนามัย จึงมีโอกาสติดเชื้อ HPV จากการมีเพศสัมพันธ์ค่ะ

ทางด้านมะเร็งตับ แม้เคยมีการศึกษาว่ายาคุมเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งตับในหญิงผิวขาวชาวสหรัฐและยุโรป แต่ยาคุมไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงในชาวเอเชียและแอฟริกันค่ะ

นอกจากนี้ ยังพบว่ายาคุมลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งรังไข่และมะเร็งโพรงมดลูกนะคะ

ดังนั้น เมื่อมีความจำเป็นต้องป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยยาเม็ดคุมกำเนิด ก็ใช้เถอะค่ะ แต่เพื่อความปลอดภัย ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ก่อนเริ่มใช้ เพื่อตรวจคัดกรองว่ามีข้อจำกัดในการใช้ยาคุมหรือไม่ และควรใช้ยาคุมชนิดใดจึงจะเหมาะสมกับตัวเรา (ถ้ายังไม่เคยพบสูตินรีแพทย์เลยตั้งแต่เริ่มใช้ ก็สามารถไปปรึกษาได้เลยค่ะ) อีกทั้ง ควรได้มีการตรวจตามนัดอย่างน้อยปีละครั้งด้วยนะคะ