August 24, 2019 13:44
ตอบโดย
สุวพัชญ์ พิศาลมงคล (นพ.)
สวัสดีครับ
มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ครับ
เบื้องต้นหากมีประวัติมีเพศสัมพันธ์ในรอบเดือนที่ผ่านมาแล้วขาดประจำเดือน สงสัยว่าตั้งครรภ์ สามารถหาซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์ตามร้านขายยาทั่วไปมาทดสอบได้ด้วยตนเองครับ หากทดสอบการตั้งครรภ์อย่างถูกวิธี ผลการทดสอบมีความน่าเชื่อถือสูงมากครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
การตั้งครรภ์ ในผู้หญิงจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมีการตกไข่ในผู้หญิง และมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีการตกไข่เท่านั้น (ส่วนใหญ่ในช่วงประมาณ14วันนับจากประจำเดือนวันแรกครับ) ถ้ามีการสอดใส่ หรือไม่มีการป้องกัน ก็จะมีโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ครับ
โดยการมีเพศสัมพันธ์ด้วยวิธีหลั่งข้างนอก จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ประมาณ 20%
แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ (ทานอย่างช้าไม่ควรเกิน72ชั่วโมง ช้าสุด120ชั่วโมงครับ) เพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ครับ
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน มีสองแบบครับ คือ
-แบบฮอร์โมนเดี่ยว จะรับประทานครั้งละ 2 เม็ดพร้อมกัน
-แบบฮอร์โมนคู่ จะรับประทานสองครั้ง ห่างกัน12ชั่วโมง
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ส่วนใหญ่มีประสิทธิภาพประมาณเกือบ 90% หากทานถูกวิธีภายในวันแรกครับ ประสิทธิภาพจะลดลงเรื่อยๆตามเวลาที่ทานครับ
อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์หลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมาแม้ผลปกติครับ
และแนะนำให้คุมกำเนิดก่อนมีเพศสัมพันธ์จะดีกว่าครับ เช่น ยาคุม ยาฝัง และใช้ถุงยางอนามัยครับ
เพราะยาคุมฉุกเฉินจะจะทำให้สภาพแวดล้อมของเยื่อบุโพรงมดลูกเปลี่ยนแปลง ไม่ให้เกิดการปฏิสนธิหรือไม่ให้เกิดการฝังตัว และทำให้มีผลต่อฮอร์โมน ผู้ใช้อาจมี ประจำเดือนผิดปกติ คลื่นไส้ ถ้าใช้บ่อยเพิ่มความเสี่ยงตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
การหลั่งนอกมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 22% ค่ะ ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์นะคะ
หากยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินทันที หรือเร็วที่สุดที่ทำได้ เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวให้น้อยลง
โดยรับประทานแบบครบขนาดในคร้งเดียวนะคะ นั่นคือ ถ้าใช้ชนิดที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว หรือถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียว
หากใช้เร็วและครบขนาด อาจช่วยลดความเสี่ยงลงมาเป็น 15% แทนได้ค่ะ
ถ้าไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติ หรือถ้ากังวลว่าจะตั้งครรภ์ ก็สามารถตรวจให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
และครั้งต่อไปที่จะมีเพศสัมพันธ์ ถ้าแฟนของผู้ถามไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีใด ๆ อยู่ และยังไม่พร้อมจะมีบุตร ผู้ถามควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพราะถ้าใช้ถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวล อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ
การมีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งนอกมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 4-22% ค่ะ ดังนั้นถ้าผ่านการมีเพศสัมพันธ์มายังไม่เกิน 120 ชั่วโมงควรทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินป้องกันค่ะ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีประสิทธิภาพป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75-85% ค่ะ ยิ่งทานเร็วประสิทธิภาพก็มาก แต่ถ้าเกิน 120 ชั่วโมงไปแล้วการทานยาจะไม่มีผลในการคุมค่ะ และให้ตรวจการตั้งครรภ์เมื่อมีเพศสัมพันธ์มาแล้วอย่างน้อย 14 วัน โดยตรวจในตอนเช้าหรือปัสสาวะแรกของวันจะได้ผลที่น่าเชื่อถือมากที่สุดค่ะ
สำหรับกรณีประจำเดือนขาดเบื้องต้นให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดูก่อน ถ้าตรวจแล้วไม่ตั้งครรภ์อาจคิดถึงจากสาเหตุอื่นๆได้ที่ทำให้ประจำเดือนขาด เช่น
-ระดับฮอร์โมนผิดปกติ หรือไม่มีการตกไข่
-เกิดความเครียด เป็นโรควิตกกังวล โรคอารมณ์แปรปรวน
-น้ำหนักมากหรือน้อยเกินไป ขาดสารอาหาร ออกกำลังหายหักโหมจนเกินไป
-จากการคุมกำเนิด เช่น จากการฝังยาคุมกำเนิด จากการทานยาคุมหรือฉีดยาคุมไปนานๆ
-ผิดปกติทางโครงสร้างของมดลูก
-ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
-มีเนื้องอกที่ต่อมใต้สมอง ต่อมหมวกไต หรือรังไข่
-ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (polycystic ovary syndrome)
-ภาวะพังผืดในมดลูก (Asherman's syndrome)
-วัยรุ่นที่เพิ่งมีประจำเดือนทำให้ประจำเดือนยังมาไม่สม่ำเสมอในช่วงแรกได้
-วัยที่เข้าใกล้วัยหมดประจำเดือน
-จากยาบางชนิด จากยาเคมีบำบัด จากการฉายรังสี
-โรคเรื้อรังบางชนิด หรือ จากการเจ็บป่วย
และถ้าตรวจตั้งครรภ์แล้วไม่พบว่ามีการตั้งครรภ์และประจำเดือนขาดนานเกิน 3 เดือนแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุประจำเดือนขาดค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
***ขออนุญาตแนะนำเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้ผู้อ่านเกิดความสับสนนะคะ***
ยาคุมฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นชนิดที่มีแผงละ 1 เม็ด หรือ 2 เม็ด ก็เป็นฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยวทั้งคู่ค่ะ
โดยยาคุมฉุกเฉินที่มีใช้อยู่ในประเทศไทย มีเฉพาะชนิดที่เป็นตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล ซึ่ง...
- ยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด ได้แก่ โพสตินอร์, มาดอนนา, แมรี่พิงค์, นอร์แพ็ก และเลดี้นอร์ แต่ละเม็ดจะประกอบด้วยตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล 0.75 มิลลิกรัม (รวม 2 เม็ดก็เป็น 1.5 มิลลิกรัม)
- ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ด ได้แก่ เมเปิ้ลฟอร์ท และแทนซีวัน จะประกอบด้วยตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล 1.5 มิลลิกรัม
จะเห็นได้ว่าทุกยี่ห้อมีตัวยาชนิดเดียวกัน และมีปริมาณยารวมทั้งแผงเท่ากัน ประสิทธิภาพและผลข้างเคียงจึงไม่แตกต่างกันค่ะ
..
..
..
และวิธีการรับประทาน มี 2 วิธี ดังนี้..
1. วิธีดั้งเดิม รับประทานครั้งละ 0.75 มิลลิกรัม รวม 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง นั่นคือ ให้ใช้ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด โดยรับประทานแยกเป็นครั้งละ 1 เม็ด ห่างกัน 12 ชั่วโมง
2. วิธีใหม่ รับประทาน 1.5 มิลลิกรัมครั้งเดียว นั่นคือ ถ้าใช้ยาคุมฉุกเฉินชนิดที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว หรือถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียว
มีการศึกษาที่ชี้ว่าทั้งสองวิธีมีประสิทธิภาพและผลข้างเคียงไม่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยใหม่ ๆ ชี้ว่าการรับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียว มีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิภาพดีกว่า และยังไม่ต้องกังวลว่าจะลืมรับประทานจนใช้ไม่ครบขนาดอีกด้วยค่ะ
ดังนั้น หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาคุมฉุกเฉิน สามารถรับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียวได้เลยนะคะ
แต่ไม่ควรนำมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติ เช่น ใช้เพราะไม่อยากใส่ถุงยางอนามัย หรือใช้เพราะไม่อยากรับประทานยาคุมรายเดือน เพราะจะมีโอกาสป้องกันไม่สำเร็จและอาจตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้มากกว่าที่ควรจะเป็นค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
คุณหมอผมมีอะไรกับแฟนแต่ผมหลั่งข้างนอกแฟนผมจะท้องมั้ยครับแฟนผมกังวลเพราะประจำเดือนยังไม่มา
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)