ผมมีอาการปวดศีษระมาก​คับ​บางทีอาจจะเกิดกับผมพักผ่อนไม่เพียงพอไหมคับ​ หรือว่าช่วงที่ผมปวดผมจะคิดไรไม่ตกหลายๆเรื่อง​เป็นเรื่องเครียดๆอ่ะคับ

การวินิจฉัยปวดหัว ควรต้องอาศัยการซักประวัติ ตรวจร่างกายจากเเพทย์ครับ เนื่องจากปวดหัวมีได้หลายโรคมาก บางครั้งมีสาเหตุซ่อนอยู่ บางครั้งก็ไม่มีสาเหตุครับ

การปวดหัวที่ไม่ได้มีพยาธิสภาพซ่อนอยู่ พวกนี้มักไม่ได้อันตราย
เเต่จะรำคาญ รบกวนชีวิตประจำวัน เช่น
- ไมเกรน พวกนี้มักจะปวดหัวข้างเดียว(หรือสองข้างก็ได้)เเบบตุ้บๆเหมือนชีพจรเต้นได้ มีคลื่นไส้อาเจียน อาจมีอาการนำ เช่นเห็นเเสงวาบ ได้ยินเสียงผิดปกติ
- ปวดหัวเเบบTension จะปวดเหมือนมีอะไรมารัดหัว หนักหัว ปวดขมับได้ครับ
- หรือเส้นเลือดบริเวณขมับอักเสบ พวกนี้ปวดตุ้บๆที่ขมับได้ เเต่มักเกิดในคนอายุเยอะ มีอาการร่วมเช่นปวดกรมเวลาเคี้ยว ตาดับมองไม่เห็นบางครั้ง เห็นภาพซ้อน ไข้ต่ำๆครับ
- ปวดเส้นประสาทใบหน้า พวกนี้จะปวดเเปล๊บๆ ปวดเเสบร้อน ตามเเนวเส้นประสาท ตามหน้าผาก ตามกราม
- ปวดหัวเเบบCluster จะปวดทั่ว มักมีอาการเช่นคัดจมูก น้ำตาไหลร่วมด้วย
- อื่นๆเช่น ปวดกล้ามเนื้อเเล้วร้าวมาหัว เช่น Myofascial pain syndrome พวกนี้จะเกิดในคนนั่งทำงานออฟฟิซ อาการคือจะมีปวดคอปวดบ่าปวดท้ายทอย ร้าวมาศรีษะได้ ซึ่งกรณีนี้ ควรพบเเพทย์สาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู พิจารณาฝังเข็มครับ (Dry needling)
- ปวดหัวจากการใช้สายตามาก สายตาล้า มีสายตาสั้นอยู่เดิม ครับ

พวกนี้กินยาจะพอบรรเทาได้ครับ หรือหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น
ถ้าอาการเป็นเเบบกลุ่มนี้ หาเวลาไปพบเเพทย์ครับ

เเต่ถ้ามีอาการที่ดูอันตราย เช่น ปวดหัวมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งวันหลังๆยิ่งปวดมากขึ้นเรื่อย มีไข้สูง มีเเขนขาอ่อนเเรงยกไม่ขึ้นมีปากเบี้ยวหน้าเบี้ยว หรือปวดมากจนทนไม่ไหว ใช้ชีวิตประจำวันไม่ได้ มีประวัติศรีษะกระเเทกรุนเเรงมาก่อน พวกนี้ต้องไปพบเเพทย์ทันทีครับ อาจมีพยาธิสภาพซ่อนอยู่ เช่น เนืองอกในสมอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือเลือดออกในสมองเป็นต้นครับ

เบื้องต้นถ้าไม่ได้มีอาการอันตราย เเละ ไม่มีประวัติเเพ้ยา ปรึกษาเภสัชกรซื้อยากลุ่มNSAID เช่น Ibuprofen Naproxen หรือยากลุ่มอื่น เช่น Paracetamol มารับประทาน ถ้ายังไม่หาย ปวดไม่ทุเลา เเนะนำ หาเวลาไปพบเเพทย์ครับเพราะปวดหัวมีได้หลายสาเหตุครับ

สวัสดีครับ
การมีความเครียดและการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอจะส่งผลให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ครับ ในกรณีนี้จึงควรกลับมาดูแลตัวเองโดยการหาเวลานอนหลับพักผ่อนให้มากขึ้น และหากิจกรรมที่ผ่อนคลายมาทำเพื่อช่วยลดความเครียดก่อน รวมถึงสามารถรับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวดได้ทุก 4-6 ชั่วโมงครับ

แต่ถ้าหากอาการยังไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบแพทย์อายุรกรรมเพื่อตรวจประเมินแยกจากอาการปวดศีรษะจากสาเหตุต่างๆก่อน เช่น โรคไมเกรน ไซนัสอักเสบเรื้อรัง ความผิดปกติในสมองบางอย่าง เมื่อทราบสาเหตุที่แน่ชัดแล้วก็จะได้ให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไปครับ