June 16, 2019 21:59
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การที่พ่อแม่ต้องแยกทางกันนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิตครับ และก็เป็นธรรมดาที่จะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจได้ แต่ที่หมอเป็นห่วงคืออาการตามที่เล่ามาข้างต้นนั้นอาจรุนแรงถึงระดับที่เป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ
อาการของโรคซึมเศร้านั้นจะประกอบด้วยการมีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ร่วมกับมีอาการ
- นอนไม่หลับหรืออยากนอนมากขึ้น
- เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น
- อ่อนเพลียไม่มีแรง
- ไม่มีสมาธิ ความคิด ความจำแย่ลง
- คิดช้าทำช้าลงหรือกระสับกระส่ายมากขึ้น
- มีความคิดในแง่ลบ คิดโทษตัวเองบ่อยๆ หรือเห็นคุณค่าในตนเองลดลง
- เคยคิดหรือลงมือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
ถ้าหากมีอาการในลักษณะนี้หลายๆข้อ ร่วมกับอาการที่เป็นส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้นครับ
ในเบื้องต้นนั้นอาจลองทำแบบทดสอบตามลิงค์นี้เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าด้วยตนเองก่อนได้ครับ
http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html
ถ้าหากทำได้ตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไปก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น
ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรลองไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมยืนยันสาเหตุให้แน่ชัดก่อน เพื่อที่จะได้ให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไปครับ
ส่วนในระหว่างนี้หมอก็แนะนำว่าควรพยายามหากิจกรรมที่ตนเองชอบมาทำบ้าง อย่าปล่อยให้ตัวเองอยู่เฉย พยายามออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ หาเพื่อน หาคนที่ไว้ใจมาพูดคุยด้วยบ้าง ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้อาการดีขึ้นได้ครับ
ส่วนเรื่องที่พ่อแม่ต้องแยกทางกันนั้นหมอเชื่อว่าท่านต่างก็มีเหตุผลของท่านอยู่ครับ ซึ่งหมอก็ไม่อยากให้คุณมาโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองหรือตัวเองไปทำให้เกิดภาระกับท่านแบบในตอนนี้ ถ้าหากพ่อไม่ต้องการเลี้ยงดูคุณจริงท่านก็คงไม่ให้คุณมาอยู่ด้วยตั้งแต่แรกครับ แต่ในตอนนี้หมออยากให้คุณได้มองและดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้า หมอเชื่อว่าถึงคุณพ่อกับคุณแม่จะแยกทางกันแล้ว แต่ทั้งคู่ไม่น่ามีใครอยากให้คุณต้องมานั่งโทษตัวเองอยู่อย่างนี้ครับ
หมอเป็นกำลังใจให้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
อ่านแล้วรู้สึกว่าอยากเป็นกำลังใจให้หนูนะครับ เชื่อว่าสิ่งที่รู้สึกและสิ่งที่คิดอยู่ตอนนี้สาเหตุสำคัญก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่คุณแม่กับคุณพ่อแยกทางกัน ถึงได้ทำให้ตัวหนูคิดแบบนั้น ในย่อหน้านี้ขอพูดในเชิงของคนที่มีอายุมากกว่าบอกเล่าประสบการณ์ให้กับน้องที่มีอายุน้อยกว่าแล้วกันนะครับ โดยสิ่งที่อยากจะบอกคือ ไม่ใช่ความผิดของหนูหรอกครับที่คุณพ่อต้องเหนื่อยหรือว่าเป็นตัวถ่วงของคุณพ่อ และผมหากรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่คุณพ่อ คุณแม่แยกทางกัน ตรงนี้ก็อยากจะบอกว่า หลักๆแล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องหรอกครับ จากประสบการณ์ส่วนตัว มากกว่า 95% จะเป็นเรื่องของอุปนิสัย ความไม่ลงรอยกันทางความคิด และการไม่ให้เกียรติ ไม่ให้ความรักซึ่งกันและกันมากกว่าครับที่ทำให้สุดท้านแล้วคนแยกทางกัน ลูกเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบเล็กๆ ที่เป็นปัจจัยทำให้เขาแยกทางกัน ดังนั้นไม่อยากให้โทษตัวเองนะครับ และลองพูดให้กำลังใจคุณพ่อดู ผมเชื่อว่าคุณพ่อเองก็คงจะดีใจหากว่าได้คำพูด และกำลังใจจากตัวหนูนะครับ
หลังจากย่อหน้านี้จะเป็นในข้อความจากนักวิชาชีพนะครับ โดยสิ่งที่หนูควรจะทำในเบื้องต้นคือลองประเมินตัวเองนะครับ หากความเศร้า ความท้อแท้เหล่านี้เข้ามากระทบกับชีวิตประจำวัน เริ่มนอนไม่หลับ เรียนไม่รู้เรื่อง หรือแม้กระทั่งทำให้เราเปลี่ยนอุปนิสัยบางอย่างที่เป็นในสิ่งที่เราไม่ชอบ ตรงนี้ก็ควรที่จะลองพูดคุยกับคุณพ่อ เพื่อให้หนูได้รับการช่วยเหลือที่เหมาะสม ไม่ว่าจะจากตัวคุณพ่อเอง คุณครู นักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์นะครับ เพราะปัญหาด้านจิตใจในหลายๆครั้งมักจะต้องการผู้ที่ให้การสนับสนุนเพื่อที่จะทำให้แต่ละคนผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ครับ
นอกจากการเข้าพบผู้เชี่ยวชาญ หนูสามารถลองทำกิจกรรมที่เคยสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาที่ตนเองจะรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือรู้สึกสนุกผ่อนคลายให้ และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้อารมณ์ความเศร้าในตัวหนูลดน้อยลงได้ คล้ายๆกับการพักฟื้นให้สภาพจิตใจของตนเองค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งการดูแลตนเองควบคู่กันไปด้วยกับการรับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต จะเป็นการช่วยให้หนูสามารถรับมือกับเรื่องต่างๆที่เข้ามาในชีวิตได้ในระยะยาวอีกด้วยครับ
สุดท้ายนี้หากรู้สึกว่าต้องการจะพูดคุยกับใครซักคนหนึ่งแต่ยังไม่ต้องการที่จะพบกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณจะสามารถโทรเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ซึ่ง ข้อเสียคืออาจจะต้องมีการรอสายที่นานในบางช่วงเวลาครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
การที่คนเราต้องเจอกับปัยหาในชีวิต หากเราไม่สามารถปรับตัวปรับใจยอมรับปัญหาและไม่สามารถดำเนินชีวิตให้เป็นปกติเหมือนคนทั่วไปได้ แบบนี้มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ปัยหาสุขภาพจิต และจากอาการของหนู อาจบ่งถึงภาวะซึมเศร้าก็เป็นไปได้นะคะ
ซึมเศร้ามีสาเหตุหลักจากสารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ ทำให้การรับรู้ ความคิด การแสดงออกทางอารมณ์และพฤติกรรมผิดปกติไปจากเดิม หากเจอปัญหาหรือมีเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ จะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น
อาการของโรคซึมเศร้า จะมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 7 ข้อ ต่อเนื่องเกือบทุกวัน นานเกิน 2 สัปดาห์
1.เบื่อหน่าย ไม่มีความสุข
2.ท้อแท้ เศร้า
3.อ่อนเพลีย
4.นอนไม่หลับ/หลับมากเกินปกติ
5.เบื่ออาหาร/ทานได้เยอะกว่าปกติ
6.ขาดสมาธิ
7.หงุดหงิดง่าย
8.ขี้น้อยใจ รู้สึกไร้ค่า
9.อยากตาย /อยากทำร้ายตัวเอง
หากมีอาการเข้าข่ายซึมเศร้าควรพบจิตแพทย์ทันที ประเมินอาการเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม
การรักษาซึมเศร้าที่ได้ผลดี คือการรักษาด้วยยา ยาจะช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ทำให้ควบคุมความคิดอารมณืและพฤติกรรมต่างๆได้เหมาะสม ร่วมกับการทำจิตบำบัด จะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจทำให้ปรับตัวต่อปัญหาต่างๆได้ดีขึ้นค่ะ
ในระหว่างทำการรักษา ควรทานยาสม่ำเสมอ ไม่หยุดยาเอง หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ งดสารเสพติดทุกชนิด และไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งจะช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้นนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
คุณหมอค่ะ หนูอยากปรึกษาเรื่องอารมณ์หนูคะ ปกติแล้วครอบครัวหนูเป็นครอบครัวที่อบอุ่นนะคะ พ่อแม่ไม่เคยทะเลาะกันค่ะ พอหนูเริ่มขึ้นม.6แม่ก็เริ่มตีตัวออกห่างจากพ่อพ่อกับแม่ก็แยกทางกัน คือหนูรู้สึกท้อมากค่ะ ตอนนั้นพ่อแม่ให้เลือกว่าจะอยู่กับใครหนูเลือกอยู่กับพ่อ หนูเลยได้อยู่บ้านกับย่าพ่อไปทำงานที่กทม.หนูชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้องบ่อยครั้งที่ร้องไห้คนเดียว ชอบโทษตัวเองที่เกิดมาแล้วเป็นตัวถ่วงชีวิตของพ่อถ้าพ่อไม่มีหนูพ่อคงสบายกว่านี้คงไม่ต้องเหนื่อย แม่ของหนูไม่ค่อยติดต่อค่ะ พักหลังมานี้หนูรู้สึกว่าหนูจะชอบเศร้า บางครั้งน้อยใจ บางครั้งโกธรง่าย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)