August 25, 2019 15:23
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
การตั้งครรภ์ ในผู้หญิงจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมีการตกไข่ในผู้หญิง และมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีการตกไข่เท่านั้น (ส่วนใหญ่ในช่วงประมาณ14วันนับจากประจำเดือนวันแรกครับ) ถ้ามีการสอดใส่ หรือไม่มีการป้องกัน ก็จะมีโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ครับ
โดยการมีเพศสัมพันธ์ด้วยวิธีหลั่งข้างนอก จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ประมาณ 20%
แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ (ทานอย่างช้าไม่ควรเกิน72ชั่วโมง ช้าสุด120ชั่วโมงครับ) เพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ครับ
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน มีสองแบบครับ คือ
-แบบฮอร์โมนเดี่ยว จะรับประทานครั้งละ 2 เม็ดพร้อมกัน
-แบบฮอร์โมนคู่ จะรับประทานสองครั้ง ห่างกัน12ชั่วโมง
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ส่วนใหญ่มีประสิทธิภาพประมาณเกือบ 90% หากทานถูกวิธีภายในวันแรกครับ ประสิทธิภาพจะลดลงเรื่อยๆตามเวลาที่ทานครับ
อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์หลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมาแม้ผลปกติครับ
และแนะนำให้คุมกำเนิดก่อนมีเพศสัมพันธ์จะดีกว่าครับ เช่น ยาคุม ยาฝัง และใช้ถุงยางอนามัยครับ
เพราะยาคุมฉุกเฉินจะจะทำให้สภาพแวดล้อมของเยื่อบุโพรงมดลูกเปลี่ยนแปลง ไม่ให้เกิดการปฏิสนธิหรือไม่ให้เกิดการฝังตัว และทำให้มีผลต่อฮอร์โมน ผู้ใช้อาจมี ประจำเดือนผิดปกติ คลื่นไส้ ถ้าใช้บ่อยเพิ่มความเสี่ยงตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
หากยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ สามารถ "คุมกำเนิดฉุกเฉิน" ได้ค่ะ โดยมีทางเลือก ดังนี้...
1. รับประทาน "ยาคุมฉุกเฉิน" ทันที หรือเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
โดยรับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียวได้เลยนะคะ นั่นคือ ถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว หรือถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียวค่ะ
แต่วิธีนี้มีประสิทธิภาพไม่สูงนัก แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลา ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% นะคะ และไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องหลังรับประทาน หากจะมีเพศสัมพันธ์อีก ก็ต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งค่ะ
2. ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อใส่ "ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดง" ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
วิธีนี้มีประสิทธิภาพสูงมาก ผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.6 - 0.8% เท่านั้น และมีผลคุมกำเนิดได้นาน 3 - 10 ปี ขึ้นกับรุ่นของห่วงอนามัยที่ใช้ จึงสามารถใช้เป็นวิธีคุมกำเนิดปกติต่อได้เลยค่ะ
อย่างไรก็ตาม อาจไม่ได้มีห่วงอนามัยชนิดนี้ไว้บริการในทุกโรงพยาบาล ดังนั้น หากสนใจ แนะนำให้โทรศัพท์สอบถามโดยตรงจากโรงพยาบาลตามสิทธิ์การรักษา หรือโรงพยาบาลที่ผู้ถามสะดวกจะไปรับบริการ (เพราะต้องรีบใส่ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์) ให้ชัดเจนก่อนนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
สุวพัชญ์ พิศาลมงคล (นพ.)
สวัสดีครับ
เบื้องต้นหากมีประวัติมีเพศสัมพันธ์ในรอบเดือนที่ผ่านมาแล้วขาดประจำเดือน สงสัยว่าตั้งครรภ์ สามารถหาซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์ตามร้านขายยาทั่วไปมาทดสอบได้ด้วยตนเองครับ หากทดสอบการตั้งครรภ์อย่างถูกวิธี ผลการทดสอบมีความน่าเชื่อถือสูงมากครับ
________________________
แนะนำให้คุมกำเนิดครับ การคุมกำเนิดมีหลายวิธีครับ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีประสิทธิภาพที่แตกต่างกันออกไป เช่น
- ยาฝังคุมกำเนิด เป็นการฝังยาเข้าไปที่บริเวณต้นแขนด้านใน วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 0.05
- ห่วงคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 0.1
- การทำหมันถาวรชาย-หญิง วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 0.1-0.5
- ห่วงคุมกำเนิดชนิดทองแดง วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 0.5
- ยาฉีดคุมกำเนิด วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 0.3-3
- ยาเม็ดคุมกำเนิด วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 0.3-8
- แผ่นฮอร์โมนปิดผิวหนัง วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 0.3-8
- ถุงยางอนามัย เป็นวิธีเดียวที่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เมื่อใช้อย่างถูกวิธี วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 2-15
- การหลั่งภายนอก เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพต่ำ ไม่แนะนำครับ วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 4-27
- การนับระยะปลอดภัย เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพต่ำ ไม่แนะนำเช่นกันครับ วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 9-25
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
การหลั่งข้างนอก ( withdrawal ) เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพไม่ค่อยดีเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ ครับ
>>จากสถิติ ถ้าทำได้ถูกต้องเลยโอกาสจะตั้งท้องประมาณ 4% แต่โดยทั่วๆไป หรือตามความจริงแล้ว ขณะที่อวัยวะเพศชายสอดใส่ มักมีสเปิร์มออกมาพร้อมกับร้ำหล่อลื่นบ้างบางส่วนครับ ทำให้โอกาสจะตั้งครรภ์ในชีวิตจริงมีสูงถึง 22-27% ครับ
ดังนั้น หากไม่แน่ใจ และไม่ได้คุมกำเนิดโดยวิธีอื่นๆ ช่วย อาจจะต้องรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน โดยเร็วที่สุดครับ
โดยหากรับประทานภายใน 24 ชม แรกหลังมีเพศสัมพันธ์ จะเพิ่มประสิทธิภาพการคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% -90%
ถ้ากินภายใน 72 ชม ประสิทธิภาพได้ประมาณ 75% ครับ
และช้าสุดที่ 120 ชม ประสิทธิภาพ ของการป้องกันการตั้งครรภ์ยังพอมีอยู่ แต่ลดลงไปมากครับ
วิธีการคุมกำเนิดฉุกเฉินอีกวิธี ที่สามารถทำได้ หรือถ้าต้องการประสิทธิภาพการคุมกำเนิดมากขึ้น จะเปลี่ยนไปคุมกำเนิดโดยใช้ ห่วงอนามัยชนิดเคลือบสารทองแดงก็ได้ครับ
วิธีนี้ ประสิทธิภาพจะสูงกว่ายาคุมกำเนิดในช่วง 72-120 ชมครับ (สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 0-120 ชมได้ดี และมีประสิทธิภาพประมาณ 99%) ครับ
อย่างไรก็ตาม หลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน อาจมีผลข้างเคียงครับ
ผลข้างเคียงหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ได้แก่อาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว และหลังจากรับประทานในช่วงสัปดาห์แรก อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ แต่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน แต่เป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินครับ ประจำเดือนของคนไข้ ควรมาตรวรอบตามปกติครับ หากพบว่าประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติเกิน 1-3 สัปดาห์ (หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ 14 วัน) ให้ทดสอบการตั้งครรภ์ หรือพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ขออนุญาตแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่สนใจนะคะ
ข้อมูลที่คุณหมอ Suwapat P. แนะนำไว้นั้น ตัวเลขดังกล่าวน่าจะมาจากต้นฉบับคือ Trussell J. Contraceptive efficacy ปี ค.ศ.2004 ค่ะ
ซึ่งข้อมูลที่ใช้ในปัจจุบัน จะอ้างอิงจาก Trussell J. Contraceptive efficacy ปี ค.ศ.2011 นะคะ
ดังนั้น หากต้องการข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน จะเป็นดังนี้ค่ะ
- ยาฝังคุมกำเนิด วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 0.05
- ห่วงคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 0.2
- ห่วงคุมกำเนิดชนิดทองแดง วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 0.6 - 0.8
- การทำหมันถาวรชาย วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 0.10 - 0.15
- การทำหมันถาวรหญิง วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 0.5
- ยาฉีดคุมกำเนิด วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 0.2 - 6
- ยาเม็ดคุมกำเนิด วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 0.3 - 9
- แผ่นฮอร์โมนปิดผิวหนัง วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 0.3 - 9
- ถุงยางอนามัยชาย วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 2 - 18
- การหลั่งภายนอก วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 4 - 22
- การนับวันปลอดภัยแบบ "หน้า 7 - หลัง 7" วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 5 - 24
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ถ้าไม่แน่ใจว่าตั้งครรหรือป่าว แล้วถ้าไม่อยากตั้งครร ควรทำไรไงค่ะถ้าเกิดผล เพิ่งมีอ่ะไรกับแฟนได้3แต่หลั่งนอกกลัว ระหว่างมีอ่ะไรกันนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)