สวัสดีครับ คือ แฟนแท้งวันที่ 10 ต.ค. มีเลือดออกไม่กี่วันหยุด ต่อมาวันที่ 23 ต.ค. พบว่ามีอาการเลือดคลั่งข้างในถึงได้พบแพทย์และรักษา แล้ววันที่ 23 ช่วงเช้า พ.ย. ได้มีการสอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปทีนึงแปปเดียว ไม่มีการหลั่ง และวันที่ 29 ได้ทำการตรวจครรภ์ขึ้น 1 ขีด วันที่ 27 พ.ย. ได้เริ่มกันยาคุมแผงใหม่ ช่วงนี้มีสิวขึ้น ปวดหัวบ้าง อาการคล้ายก่อนประจำเดือนมา แต่ตั้งแต่วันที่แท้งยังไม่เคยมีประจำเดือนมาเลย อาการแบบนี้ผิดปกติไหมหรืออาจท้องอีกรอบครับ

ข้อมูลที่ว่า "วันที่ 27 พ.ย. ได้เริ่มกินยาคุมแผงใหม่" หมายถึงแฟนของผู้ถามมีการรับประทานยาคุมมาแล้วหลังจากที่แท้งบุตร และต่อยาคุมแผงที่สองตามกำหนดในวันที่ 27 พ.ย. หรือเปล่าคะ

ถ้าใช่... ขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ
1. ใช้ยาคุมยี่ห้ออะไรคะ
2. เริ่มรับประทานแผงแรก (หลังแท้งบุตร) ในวันที่เท่าไหร่คะ
3. รับประทานยาคุมแผงแรก (หลังแท้งบุตร) ต่อเนื่องตรงเวลาทุกวันหรือไม่ อย่างไรคะ

สวัสดีครับ
ไม่ทราบว่าก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 23 พฤศจิกายนได้รับประทานยาคุมมาก่อนหน้านันหรือไม่ครับ เพราะถ้าหากไม่ได้รับประทานยาคุมมาก่อนหน้านั้นก็จะยังมีโอกาสผิดพลาดตั้วครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่ได้ 4-27% จากการที่อาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ครับ แต่ถ้าหากได้รับประทานยาคุมติดต่อกันมาเกิน 7 วันก่อนหน้านั้นแล้วก็จะถือว่าปลอดภัยจากการตั้งครรภ์ครับ

ในช่วงที่รับประทานยาคุมอยู่นั้นประจำเดือนจะมาในช่วงเวลาดังนี้
- ถ้าหากรับประทานยาคุมชนิด 21 เม็ด ประจำเดือนก็จะมาในช่วงที่เว้นการรับประทานยา 7 วันก่อนเริ่มรับประทานยาแผงใหม่
- ถ้าหากรับประทานยาคุมชนิด 28 เม็ด ประจำเดือนก็จะมาในช่วงที่รับประทานยาเม็ดแป้ง 4-7 เม็ดสุดท้ายของแผงขึ้นอยู่กับยี่ห้อของยาที่รับประทาน

นั่นหมายความว่าถ้าเพิ่งเริ่มยาคุมแผงใหม่ไปในวันที่ 27 พฤศจิกายนประจำเดือนก็จะยังไม่มาในช่วงนี้ครับ

หลังจากนี้หมอแนะนำให้รับประทานยาคุมต่อไปและรอสังเกตดูว่าประจำเดือนจะมาในช่วงเวลาที่หมอได้แนะนำไปหรือไม่ ถ้าหากประจำเดือนไม่มา หมอก็แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ดูโดยใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าของวันที่จะเริ่มรับประทานยาคุมแผงใหม่ ถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ก็สามารถรับประทานยาคุมแผงใหม่ต่อไปได้ครับ

ถ้าหากเพิ่งมารับประทานยาคุมหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว ยาคุมก็จะยังไม่มีผลป้องกันการตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 23 พฤศจิกายนครับ และหลังจากนี้ก็จะต้องรับประทานยาคุมต่อเนื่องให้ครบ 7 วันก่อนยาคุมจึงจะเริ่มมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้

ในกรณีนี้ถ้าหากจะรับประทานยาคุมต่อหมอก็แนะนำว่าควรลองตรวจการตั้งครรภ์ดูโดยให้ตรวจห่างจากวันที่ 23 พฤศจิกายน 14 วัน หรือ ในวันที่ 7 ธันวาคม โดยให้ใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ถ้าหากตรวจแล้วพบว่ามีการตั้งครรภ์ก็ควรหยุดการรับประทานยาคุมในทันทีครับ แต่ถ้าหากไม่มีการตั้งครรภ์ก็ให้รอสังเกตดูว่าประจำเดือนจะมาในช่วงที่รับประทานยาเม็ดแป้ง 4 เม็ดสุดท้ายของแผงหรือไม่ครับ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ

ถ้าไม่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือน เมื่อมีการสอดใส่โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ในวันที่ 23 พฤศจิกายน แม้จะไม่มีการหลั่งในช่องคลอด ก็ถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 22% ตามวิธีหลั่งนอก

การเริ่มรับประทานยาคุมรายเดือนในวันที่ 27 พฤศจิกายน ไม่สามารถลดความเสี่ยงดังกล่าวให้น้อยลงได้นะคะ และถ้ามีการตั้งครรภ์ไปแล้ว ต่อให้รับประทานยาคุมต่อไป แต่การตั้งครรภ์นั้นก็จะยังคงอยู่เหมือนเดิมค่ะ

ส่วนการตรวจการตั้งครรภ์ในวันที่ 29 พฤศจิกายน และได้ผลตรวจออกมาเป็นไม่ตั้งครรภ์ ยังไม่สามารถจะสรุปได้ว่าการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 23 พฤศจิกายน ทำให้ตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์นะคะ

ดังนั้น หากต้องการใช้ยาคุมแผงนี้ต่อไป แนะนำให้งดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนค่ะ

โดยปกติจะแนะนำให้งดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรับประทานยาคุมแผงนี้ติดต่อกันครบ 7 วันเพื่อให้มีผลคุมกำเนิดจากยาขึ้นมาก่อน แต่ในกรณีนี้ แนะนำให้งดมีเพศสัมพันธ์และรอตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ

ซึ่งถ้าวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดคือ 23 พฤศจิกายน ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอนของวันที่ 7 ธันวาคมได้ค่ะ

และถ้าผลตรวจออกมาเป็นไม่ตั้งครรภ์ ก็ไม่มีปัญหา สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติแล้วนะคะ ถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.3 - 9% ตามผลป้องกันของยาคุมรายเดือน และความเสี่ยงจะค่อนไปทางต่ำถ้ารับประทานตรงเวลาสม่ำเสมอค่ะ

ถ้าหากในตอนนี้ยังรับประทานยาคุมอยู่เลือดที่ออกมาก็ไม่น่าใช่ประจำเดือนครับ และเลือดที่ออกมานี้ถ้าออกมาเพียงเล็กน้อยก็อาจเป็นผลข้างเคียงจากการรับประทานบาคุมในช่วง 1-3 แผงแรกได้ครับ

ส่วนประจำเดือนในช่วงที่รับประทานยาคุมอยู่ก็ควรมาในช่วงเวลาดังนี้ครับ
- ถ้าหากรับประทานยาคุมชนิด 21 เม็ด ประจำเดือนก็จะมาในช่วงที่เว้นการรับประทานยา 7 วันก่อนเริ่มรับประทานยาแผงใหม่
- ถ้าหากรับประทานยาคุมชนิด 28 เม็ด ประจำเดือนก็จะมาในช่วงที่รับประทานยาเม็ดแป้ง 4-7 เม็ดสุดท้ายของแผงขึ้นอยู่กับยี่ห้อของยาคุมที่รับประทานครับ

เนื่องจากไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาคุมดังกล่าว รวมถึงไม่ทราบรายละเอียดของอาการที่เกิดขึ้น ดังนั้น ในกรณีที่มีเลือดออกมาตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ