สวัสดีค่ะ มีลูกอายุ3ขวบ1เดือน ซนมาก และก็อยู่ไม่นิ่ง ตอนนี้น้องเข้าเรียนแล้วค่ะ ครูแนะนำว่าให้พาน้องไปพบหมอ อาการที่น้องเป็นรักษาหายไหมค่ะ

ถ้าสงสัยภาวะสมาธิสั้น เเนะนำปรึกษาหมอเด็กหรือกุมารเเพทย์ครับ ถ้าเป็นจริงๆ ก็มียาครับ เช่น Ritalin

ถ้าไปโรงพยาบาลตามสิทธิการรักษา สามสิบบาท ประกันสังคม ก็เบิกได้ครับ ( เช็คสิทธิที่สายด่วน สปสช.1330 )
หรือ
http://eservices.nhso.go.th/eServices/mobile/login.xhtml

ถ้าเป็นข้าราชการก็เบิกได้ทุก โรงพยาบาลรัฐครับ

โรคเด็กสมาธิสั้น หรือ Attention deficit and hyperactivity disorder (ADHD) จะมีอาการหลักดังนี้คือ
1.ขาดสมาธิ (attention deficit) เด็กมักจะเหม่อลอย จดจ่ออะไรไม่ได้นาน ทำให้ลืมอะไรบ่อยๆ เช่น ไม่ทำการบ้าน ลืมหยิบกาบ้านมา
2.หุนหันพลันแล่น (impulsivity) มักพูดแทรก พูดโพล่งออกมา รออะไรไม่ได้ค่อยได้
3.ซน อยู่ไม่นิ่ง (hyperactivity) เด็กมักอยู่นิ่งไม่ได้ ต้องหยุกหยิกตลอดเวลา พูดมาก ซนกว่าเด็กคนอื่น

สำหรับการวินิจฉัยคือมีอาการติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือน ใน 2 สถานการณ์ขึ้นไป เช่น ที่บ้านและที่โรงเรียน และอาการต้องไม่เข้ากับโรคทางจิตเวชอื่นๆ เช่น ภาวะดื้อ (oppositional defiant disorders) ภาวะบกพร่องในการเรียนรู้ (learning disorders) ความผิดปกติทางอารมณ์ (mood disorders) พฤติกรรมอันธพาล (conduct disorders) เป็นต้น

การรักษาอาจไม่สามารถรักษาหายขาดได้ แต่อาการมักดีขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นเนื่องจากมีปัจจัยทางด้านพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย การดูแลรักษาควรใช้ความร่วมมือกับผู้ปกครองด้วย ดังนั้นกรณีเป็นมากหมอแนะนำให้ไปพบจิตแพทย์เด็กเพื่อทำการพูดคุย ทำจิตบำบัด และอาจจำเป็นต้องทานยาร่วมด้วยค่ะ

การที่เด็ก 3 ขวบ ซนมากเกินปกติ ซนมากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน นั้นอาจเกิดได้จากหลายปัจจัยนะคะ ซึ่งที่พบได้บ่อยๆในปัจจุบัน ได้แก่
1. ปัจจัยจากการเลี้ยงดู โดยเแพาะการที่ปล่อยให้เด็กเล่นมือถือ หรือดูการ์ตูนเป็นเวลา สิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นให้เด็กอยู่นิ่ง แต่เมื่อใดที่ไม่มีสื่อกระตุ้น เด้กก็จะกระตุ้นตัวเองด้วยการซน ไม่นิ่ง ค่ะ
2. จากความผิดปกติของสมองและการหลั่งสารเคมีในสมอง ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะสมาธิสั้นได้

ในกรณีที่เด็กมีพัฒนาการปกติ อ่านเขียนรู้เรื่อง แต่ซนผิดปกติ เบื้องต้นแนะนำให้คุรแม่ปรับการเลี้ยงดูก่อนนะคะ ลดเวลาจากสื่อทีวี มือถือต่างๆ พาน้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความอดทน ดึงเด็กเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานบ้านกับแม่ เป็นต้น
แต่หากซนมากเกินปกติจนแม่ปรับไม่ได้ แนะนำพาน้องไปพบจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นนะคะ ซึ่งอาจต้องให้นักบำบัดแนะนำเรื่องตารางการปรับพฤติกรรม และรอดูอาการ หากยังไม่ดีขึ้น เมื่อเด็กอายุเกิน 5 ขวบ จิตแพทย์อาจจะประเมินอาการอื่นๆเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แล้วให้การรักษาด้วยยาร่วมกับการปรับพฤติกรรมค่ะ

อาการดังกล่าวสามารถรักษาให้อาการดีขึ้นได้ แต่ต้องเริ่มรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ อย่ารอให้อาการส่งผลกระทบต่อการเรียนของเด็กเพราะจะกลายเป็นปัญหาซ้ำซ้อนแก้ไขได้ยากขึ้นค่ะ นอกจากนั้นการปรับพฤติกรรมจะได้ผลดีคุณแม่ควรมีความอดทน ชัดเจนในกฎกติกาที่วางให้เด็ก รวมทั้งสมาชิกคนอื่นๆในบ้านต้องร่วมมือกัน ปรับการเลี้ยงดูไปในทิศทางเดียวกัน และพร้อมที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กด้วยค่ะ ค่ะ