January 16, 2019 22:14
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
ไม่สายไปครับ การเป็นออทิสติกไม่ใช่เรื่องที่จะต้องรับการรักษาหรืออย่างไร การที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคออทิสติกนั้นเพียงแค่หมายถึงการที่คุณจะต้องมีเรียนรู้ที่ไม่เหมือนใคร หรือมีการปฏิบัติตัวที่จะเป็นแบบเฉพาะเพียงเท่านั้นครับ
แต่อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้เป็นสิ่งที่จำเป็นนะครับ ไม่ว่าจะถูกวินิจฉัยว่าเป็นออทิสติกหรือไม่ การเรียนรู้เป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นตลอดชีวิตครับ ผมเข้าใจว่าการที่คุณต่อต้านการเรียน อาจจะเป็นเพราะว่าการเรียนที่โรงเรียนนั้นไม่เหมาะสมกับคุณทำให้คุณเรียนไม่รู้เรื่อง หรือไม่ก็คุณมีสิ่งที่สนใจอยู่แล้วซึ่งการเรียนในโรงเรียนไม่ใช่สิ่งที่คุณสนใจหรือเปล่าครับ นอกจากนั้นแล้วเป็นไปได้ว่าอาการของโรคซึมเศร้าก็เข้ามาส่งผลต่อสมาธิและอาจจะทำให้คุณไม่สามารถเรียนได้อย่างเต็มความสามารถ และเมื่อรู้สึกว่าไม่เข้าใจบทเรียน มันจึงทำให้คุณรู้สึกท้อแท้ และอยากยอมแพ้ ซึ่งผมอยากจะบอกกับคุณนะครับว่าอย่ายอมแพ้ หากเรามีการดูแลตนเองที่ถูกวิธี ได้รับการช่วยเหลือจากคนรอบข้างที่เหมาะสม ผมเชื่อว่าคุณจะสามารถดึงศักยภาพของคุณออกมาได้อย่างเต็มที่ครับ
สำหรับในส่วนของโรคซึมเศร้า ผมก็ขอแนะนำให้เข้ารับการช่วยเหลือจากจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยานะครับ การทานยาต้านซึมเศร้าหรือรับการให้คำปรึกษาจากทั้งจิตแพทย์และนักจิตวิทยาจะเป็นตัวช่วยให้คุณสามารถบรรเทาอาการของโรคได้ระดับหนึ่งครับ นอกจากนั้นแล้วการดูแลตนเอง ในเบื้องต้นอยากให้ลองใช้เวลาเพื่อทำกิจกรรมที่ชอบ หรืออาจจะเป็น การออกกำลังกาย การดูหนัง ฟังเพลง หรืออาจจะเป็นงานอดิเรกที่คุณสามารถทำได้ครับ พยายามให้ตนเองอยู่กับปัจจุบัน และพยายามหากิจกรรมทำเพื่อให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้นก็จะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยในเรื่องของอารมณ์ซึมเศร้าของคุณได้ครับ
แต่ท้ายที่สุดแล้วผมก็แนะนำว่าให้ลองเข้าพบกับผู้เชี่ยวชาญและรับการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ก็จะเป็นผลดีต่อเรื่องโรคซึมเศร้าและอาจจะช่วยให้คุณสามารถค้นพบสิ่งที่คุณสนใจได้ครับ การเรียนรู้ไม่มีคำว่าสายเกินไป ดังนั้นขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
ออทิสติกที่ต้องได้รับการรักษาหรือการช่วยเหลือพิเศษโดยมากจะต้องมีความบกพร่องรุนแรงเกี่ยวกับพัฒนาการเรียนรู้ การสื่อภาษา และมีความบกพร่องทางด้านทักษะทางสังคมค่ะ
หากตอนนี้หนูมีอาการเข้าข่ายออทิสติก และ อาการส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในสังคมและด้านอื่นๆ หนูสามารถไปพบจิตแพทย์ ประเมินอาารเพิ่มเติม รับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม จะช่วยให้ปรับตัวใช้ชีวิตได้ดีขึ้นนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ
ตั้งแต่หนูจำความได้ พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้ค่ะมีแต่งานฝากหาเงินหนูไว้กับย่าไม่ค่อยได้ใส่ใจหนู ให้หนูไปเรียนค่ะเรียนโรงเรียนประจำอำเภอแต่ตอนนั้นหนูจำได้ค่ะหนูน่าจะเป็นโรงซึมเศร้า(อนุบาล)รู้สึกไม่อยากเรียน ไม่อยากทำอะไรเลย ไม่สนใจอะไรในชีวิต เศร้าหมองรู้สึกชีวิตไม่มีค่า หนูก็เฉยๆเบื่อหน่ายไม่อยากเรียน แต่เรื่องที่สนใจจะจำได้ดีค่ะ พอไม่เข้าใจก็ไม่กล้าถาม(เด็กหลังห้อง) ยิ่งท้อแท้ ยอมแพ้เหมือนที่หมอบอกค่ะหลังจากนั้นก็หันหลังให้กับการเลยค่ะ ปล่อยปะละเลย แต่พ่อแม่ไม่รุ้ค่ะไม่เคยปรึกษาพ่อแม่เพราะรู้สึกว่าท่านไม่สนใจอีกอย่าง รู้สึกไม่สนิทใจเพราะเราไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเหมือนครอบครัวอื่นๆคะ ตอนเด็กหนูเป็นคนไม่พูดอยู่แล้ว มีปัญหาการสื่อสาร คุยกับใครไม่ค่อยรู้เรื่อง จนกลัวการเข้าสังเข้าไปเลยค่ะจนตอนนี้หนูพึ่งค้นพบว่าตัวเองน่าจะเป็นออทิสติก พูดก็จะพูดแต่เรื่องตลกเรื่องไร้สาระอื่นที่สาระสำคัญบางทีก็สื่อสารเป็นภาษออกมาไม่ได้ และเป็นหัวช้า คิดอะไรช้า เข้าใจยาก บวกเลขง่ายๆบางทียังผิดเลย หลงลืมง่าย สมาธิไม่ดีในการที่ตั้งใจทำงานอย่างใดอย่างนึง ต้องพยายามกว่าคนอื่นมากๆค่ะ พอถึงจุดๆหนูอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น หนูฝันไว้หนูมีกำลังใจ หนูมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจรู้ว่าตอนนั้น(ม.4)หนูมีใจสู้กว่าเพื่อน หนูตั้งใจเรียนหนูกล้าถามครูมากขึ้น หนูมีตวามสุขมากที่ตั้งใจทำมันได้ตอนนั้นเรียนวิชาคณิต ตรรกศาสตร์การเชื่อมประพจน์ จนได้ติวให้เพื่อนสนุกที่คิดว่าจัวเองทำได้เพราะไม่ได้ใช้การคำนวณ+-*/ แต่เรียนไปใกล้จบ1เทอมเริ่มรุ้สึกว่าไม่ไหวไปไม่รอดแน่ๆ เพราะพื้นฐานจากม.3ตัวเองก็ไม่มี(ลอกงานเพื่อนส่ง) เรียนไม่รู้เรื่องเลย ฟิกสิก ชีวะ เคมี พยามสุดแล้ว แต่ตัวเองไม่ตั้งใจเลยตั่งแต่แรก แค่คูณกับหารก็ไม่คล่องแล้วคุณหมอ เลยตัดสินใจไปเรียนสายอาชีพ สาขาคอมพิวเตอน์ธุรกิจ พอเรียนไปสักพักรู้สึกเหมือนเป็นวิทลัยขยายโอกาสไม่ค่อยได้เรียน เน้นกิจกรรม เป็นระบบทวิภาคี แต่หนูก็ตั้งมากกว่าเพื่อนนะ แต่เรียนง่ายมากแค่จดงานส่งบางทีอาจารย์ให้คะแนนโดยการช่วยกิจกรรมต่างๆตอนนั้นมีความหวังตั้งใจเรียนเพราะอนาตตอยากไปทำงานต่างประเทศในที่ไปหาข้อมูลได้ สรุปไม่ได้ไปง่ายๆต้องรอเป็นปีก็เลยหมดหวัง รู้สึกเฉยๆกับชีวิต ณตอนนี้หนูอายุ18กว่าแล้ว หนูรู้ว่าตัวเองอารมณ์แปรปรวน หรือไบโพล่ากันแน่ เด่นๆเลย1.ตอนนี้หนูพยายามเข้าสังคมให้มากที่สุด 2.พยายามฝึกพูดกับคนอื่น
3.หนูหลงลืมง่ายไม่รู้เป็นอะไร ถ้าไม่ใช่งานหรือสิ่งที่ตัวเองอยากทำหรือตั้งใจไว้จริงๆๆ
4.สมาธิหนูไม่ดี หัวช้า คิดช้า บางทีต้องพูดรอบที่2ถึงเข้าใจ หรืออธิบายนาน
5.เวลาเขาเล่นมุขอะไรมาหนูก็นึกไม่ออกว่าจะเล่นกับเขายังไงสื่อสารไม่ค่อยรู้เรื่อง ขี้อายไม่มั่นใจในตัวเอง แต่หมอตอนนี้หนูอยากเรียนต่อ อยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้ แต่ดูสภาพหนูแล้วหนูคงไม่รอด ถ้าเป็นไปได้ก็ฝึกฝนหรือพยายามหนักมาก แต่เหมือนการนับ1ใหม่ ตอนนี้หนูเครียดมาก ไม่รู้จะทำยังไงผิดหวังในตัวเองที่เป็นอยากที่ฝันไว้ไม่ได้ 😭ทำไมหนูต้องมาเจออะไรแบบนี้คะหมอหนู แต่หนูไม่เศร้าหรือเป็นแบบนี้ทุกวันนะ บางวันก็มอเชื่อว่าไม่ท้อแท้และพบายามมากๆจะเกิดผลสำเร็จได้ ทุกวันนี้หนูรักการลองดูสักตั้ง(จะลองเรียนต่อ) พร้อมสู้พบายามทำเต็มที่ก่อนไม่ได้จริงๆก็ถอยเนี่ยหนูคอดได้แบบนี้ ใน7หนูจะรู้สึกเฉยๆกับชีวิตอยู่3-4วัน บางวันก็มีแรงฮึดสู้มองโลกในแง่บวกมากจากไหนก็ไม่รู้ พยายามดูวิดีโอที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น ดูวิดีโอกำลังใจต่างๆ ก็มีแรงสู้ คึกคักร่าเริงชอบดูการลงทุนการเก็บเงินออมเงิน แต่ดูสิ่งที่หนูอยากเป็นกับสิ่งที่หนูเป็นตอนนี้สิ คงประสบความสำเร็จไม่ได้ คงทำให้พ่อแม่ทานสบายไม่ได้ หนูอยากย้อนเวลา
หนูมีน้องทำไมน้องเรียนเก่ง โดยที่พ่อแม่ก็เป็นแบบเดียวกัน ตอนนี้หนูไม่กล้าไปหาหมอหนูเคยไปครั้งที่แล้วร.พ.ประจำอำเภอ หนูไม่ไปตามนัดหนูกลัวหมอว่า อีกอย่างที่หนูที่สุดคือกลัวคนรอบข้างมองหนูไม่ดี เพราะคนรู้จักหนูก็เยอะ แล้วเป็นร.พ.รัฐ ต้องรอนานคนเยอะ คนที่มาส่วนใหญ่ก็เคยเห็นหน้าหนูทั้งนั้นเพราะหนูเคยทำงานช่วยแม่ ร้านขายของชำหนูอาย เครียดหนักมาก
//เรื่องคะทุกหนูเป็นทุกวันคือนอนไม่อยากตื่ยนถ้าวันไหนมีโอกาสนอนหนูก็นอนนานกว่าปกติเหมือนนอนแค่ไหนก็ไม่พอ เหนื่อยๆไม่อยากทำอัไรเลยหรือขี้เกียจหนูก็แยกไม่ออก😣 ถึงคุณหมอฉัตรดนัย ศรชัย
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
ขอบคุณนะครับที่เล่าเรื่องมาให้อ่านเยอะเลย
ผมเห็นนะครับว่าคุณเองก็ไม่ได้ย้อท้อและในตอนนี้เองก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะหมดหวังไปทุกวัน ยังมีวันที่คุณรู้สึกมีกำลังใจและเคยรู้สึกว่ามีเรื่องที่ตนเองทำได้ ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่ดีนะครับ เพราะเป็นสิ่งที่สื่อให้เห็นว่าคุณมีความรับผิดชอบในตนเอง ว่าตัวเองจะเป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเองได้ นอกจากกำลังใจที่ดีแล้ว การมีตัวสนับสนุน และวิธีการที่เหมาะสมในการจะบรรลุเป้าหมายของเราก็เป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกัน
และจากที่เล่ามาก็จะเห็นได้ถึงอุปสรรค ถึงความผิดพลาดที่ตนเองเคยทำลงไป ซึ่งตรงนี้ผมก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เราได้รับรู้ถึงข้อผิดพลาดเหล่านั้น ทำให้เรารู้ว่ามีเรื่องอะไรที่เราเก่ง มีเรื่องอะไรที่เราไม่เก่ง ซึ่งการที่เราไม่ถนัดในเรื่องการเรียนในโรงเรียนก็ไม่ได้จำเป็นว่าเราจะไม่ประสบความสำเร็จหรือฝันของเราจะไม่เป็นจริงนะครับ สิ่งสำคัญคือเราอาจจะต้องค่อยๆพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เรียนอยู่ในระบบการศึกษาแล้วก็ตาม
การตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ หาเป้าหมายที่คิดว่าตนเองสามารถทำได้ และลองผลักดันตนเองไปให้ได้ มันอาจจะมีบางช่วงที่รู้สึกว่าท้อแท้บ้างแต่เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับทุกคนครับ การรับการสนับสนุนจากจิตแพทย์ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายครับ การมีภาวะโรคซึมเศร้าหรือมีอารมณ์ที่แปรปรวนนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน หากการเข้าพบแพทย์ การได้พูดคุยกับแพทย์ หรือการรับประทานยาเป็นสิ่งที่ช่วยคุณได้ในระดับหนึ่งผมก็อยากแนะนำให้เข้ารับการช่วยเหลือเหล่านี้ไปเรื่อยๆครับ การยอมรับตนเองก็เป็นส่วนหนึ่งเช่นกันในการพัฒนาตนเองนะครับ เพราะเมื่อเรารู้ตัวว่าเราต้องพัฒนาอะไรบ้างในตัวเรา เมื่อนั้นเองเราก็จะสามารถที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆได้ และปรับให้ตัวเองเก่งขึ้นไปได้อีกครับ
ขอให้ทำเป้าหมายให้สำเร็จนะครับ สิ่งเหล่านี้อาจจะต้องใช้ความอดทนและใช้เวลาไปบ้าง แต่สุดท้ายเมื่อเราสำเร็จตามที่หวังไว้เราก็จะรู้สึกได้ครับว่ามันคุ้มค่า เป็นกำลังใจให้นะครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หนูเป็นออทิสติกตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ได้รับการรักษา ทำให้หันหลังให้กับการเรียนและมีโรคซึมเศร้าร่วมด้วย แต่ปัจจุบัน เรียนแบบลอกเพื่อนเอา เพราะต่อต้านการเรียนตั้งแต่เด็ก เป็นแบบนี้จะแก้ไขได้ไหม คงสายไปแล้วใช่ไหมหมอ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)