February 15, 2019 13:17
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ
โรคผื่นลมพิษ มี 2 ชนิดค่ะ คือ แบบที่เรื้อรัง (เป็นมานานกว่า 6 สัปดาห์ ) และแบบ เฉียบพลัน (น้อยกว่า 6 สัปดาห์)
>>สำหรับลมพิษ เฉียบพลัน สาเหตุที่พบบ่อยสุด คือ
1.การติดเชื้อ ได้แก่ เป็นหวัดคัดจมูก ติดเชื้อไวรัส ติดเชื้อที่ผิวหนัง ซึ่ง บางคนจะเป็นบ่อยช่วงหน้าฝนค่ะ
2. การแพ้ยา เช่น ยากลุ่ม nsaid เช่น ไอบูโพรเฟน แอสไพริน เป็นต้น ยาฆ่าเชื้อบางชนิด โดยเฉพาะ เพนนิซิลลิน
3.อาหาร ซึ่งอาการจะเกิดทันทีหลังทานอาหารที่แพ้ค่ะ
การรักษาชนิดเฉียบพลันคือ รักษาตามสาเหตุและรักษาตามอาการค่ะ ได้แก่ ยาแก้แพ้ชนิดต่างๆ เช่น chlopheniramine , cetirizine , hydroxyzine เป็นต้น แบะการให้ยาแก้อาการคันค่ะ โดย ผื่นมีกหายเองใน 2 สัปดาห์ค่ะ หรือ เมื่ออาการติดเชื้อต่างๆดีขึ้นค่ะ
นอกจากนี้ เมื่อผื่นขึ้น สิ่งที่ต้องระวังเสมอ คือ อาการของanaphylaxis คือ การแพ้อย่างรุนแรง ได้แก่ อาการแน่นหน้าอก คลื่นไส้อาเจียน หน้ามืด เป็นลม ความดันโลหิตตก มีลมพิษทั่วตัว ปากบวมหน้าบวม เป็นต้น ถ้ามีอาการดังนี้ ให้รีบไป รพ ทันทีค่ะ
>>สำหรับชนิดเรื้อรัง มีสาเหตุ คือ
1.การติดเชื้อเช่นกัน เช่น virus EBV
2.autoimmune disease (ภูมิคุ้มกันตนเองมีมากเกินไป)
3.ลมพิษที่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ เช่น ลมพิษจากความเย็น จะเกิดเมื่ออยู่ในที่เย็นหรือสัมผัสความเย็น , ลมพิษจากการขูดขีดผิวหนัง เป็นต้นค่ะ
โดยส่วนใหญ่ ลมพิษเรื่อรัง มักจะรักษาตามอาการค่ะ หลักๆคือการใหยากลุ่ม antihistamine ค่ะ เช่น chlophebiramine , cetirizine , hydroxyzine (ซึ่งโดยทั่วไป จะเริ่มจากลองให้น้อยๆก่อน ถ้าไม่ดีขึ้นก็จะปรับโดสขึ้นไป 2-4เท่า ของโดสปกติและต้องกินยาสม่ำเสมอเพื่อควบคุมอาการค่ะ) และมียาอื่นๆอีกหลายชนิด ที่จะใช้รักษาโรคลมพิษเรื้อรังค่ะ แต่ต้องให้ภายใต้ความดูแลของผุ้เชี่ยวชาญเท่านั้นค่ะ
ดังนั้น หากอาการดังกล่าว รบกวนชีวิตประจำวัน แนะนำให้พบแพทย์ผิวหนัง หรืออายุรแพทย์โรคภูมิแพ้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
คือหนูเจ็บลิ้นปี่มา2-3วันแล้วค่ะกินสมุนไพรหลายย่างแล้วศึกษาในเว็บดูมาลองทำก็ไม่หายสักทีค่ะ ซื้อยามากินก็แล้วลองทุกอย่างแล้วค่ะไม่หายสักทีทรมานมากค่ะ ทำยังไงถึงจะหายค่ะคุณหมอ
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
อาการปวดจุกแน่นใต้ลิ้นปี่เป็นได้จากหลายสาเหตุคะ แต่ในคนอายุน้อยสาเหตุหลักๆคือ
1.โรคกระเพาะอาหารอักเสบแผลในกระเพาะอาหาร
2.นิ่วในถุงน้ำดี
3.ตับอ่อนอักเสบ
ส่วนในผู้สูงอายุต้องระวังโรคหัวใจขาดเลือดด้วยคะ
ซึ่งปัจจัยในการเกิดโรคกระเพาะอาหาร
1.ภาวะเครียด
2.กินข้าวไม่ตรงเวลา
3.ชอบกินของเผ็ดของเปรี้ยว
4.ชากาแฟน้ำอัดลม
5.ยาแก้ปวด ยาสมุนไพร
การรักษาโรคกระเพาะและกรดไหลย้อน ประกอบไปด้วยสองอย่างคือ
1.การปรับการใช้ชัวิตประจำวัน
2.การใช้ยา
การปรับชีวิตประจำวัน ควรปรับเรื่อง อาหาร และวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับการกินค่ะ
-อาหาร ควรเป็นอาหารที่ไม่รสจัด ไม่มัน ไม่หวานจัดเผ็ดจัดเค็มจัด
-ลดของหวานของมัน อเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์และ คาเฟอีนค่ะ
-รับประทานอาหารให้ตรงเวลา
-หลังกินควรยกหัวสูง คือไม่นอนทันทีค่ะ อย่างน้อย 1-3 ชม
-หากมียาที่มีผลข้างเคียงที่รับประทานเป็นประจำ ทำให้ปวดท้อง เช่น ยาแก้ปวดแอสไพริน ควรปรึกษาแพทย์
ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุ อาจจะเป็นโรคกระเพาะไม่มีสาเหตุ การติดเชื้อเรื้อรังในกระเพาะอาหาร ก้อน นิ่ว เป็นต้น หลังจากตรวจ อาจจะได้นามารับประทาน ให้รับประทานต่อเนื่อง ร่วมกับการปรับชีวิตประจำวันค่ะและไปตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอค่ะ
>>การใช้ยา โดยทั่วไป ยาสามัญประจำบ้านที่คนไข้สามารถซื้อเพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยา alum milk , ยาลดอาการคลื่นไส้อาเจียน , simeticone เป็นต้นค่ะ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์ค่ะ
**สำหรับอาการดังกล่าว เป็นการวินิจฉัยอย่างพอสังเขป การให้การรักษาต้องได้รับการตรวจร่างกายเพิ่มเติมโดยแพทย์ ดังนั้น แนะนำให้ไปตรวจร่างกายที่ รพ เพื่อการรักษาที่ถูกต้องหากอาการไม่ดีขึ้นค่ะ**
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
คือแม่หนูเป็นลมพิษอะค่ะเป็นแบบเป็นๆหายๆต้องลักษายังถึงจะหายค่ะไปหาหมอหลายที่แล้วค่ะแต่ก้ไม่ดีขึ้นเลยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)