ช่วงแรกๆจะปวดตรงช่วงสะโพก เอว ก้มไม่ค่อยได้ บิดตัวไม่ค่อยได้ จะเสียวๆ เป็นสักพักหลังๆก็ อาการเหมือนเดิม แต่เริ่มเหมือนเหน็บชาที่เท้า ถ้าหากนั่งหรือนอนท่าเดิมแต่ไม่นานมาก รบกวนตอบทีค่ะว่าควรทำอย่างไร

สวัสดีค่ะ อาการปวดสะโพก ปวดหลัง ร่วมกับมีชาที่เท้าหรือขา เกิดได้หลายสาเหตุ เช่น
- กล้ามเนื้ออักเสบ มักเกิดจากการที่อยุ่ท่าเดิมซ้ำๆเป็นเวลานาน เช่นขับรถนาน นั่งอยู่กับที่นาน ไม่ค่อยได้เปลี่ยนอิริยาบถ จึงทำให้กล้ามเนื้อหลัง สะโพกและขาด้านหลัง เกิดการยึด และตึงขึ้น จนทำให้มีอาการปวดค่ะ

- หมอนรองกระดูกปลิ้นทับเส้นประสาท โรคนี้ก็ทำให้มีอาการปวดสะโพก ปวดหลัง และชาเท้าได้ อาจจะมีประวัติยกของหนักเป็นประจำ หรือการก้มที่ผิดท่าผิดจังหวะ ก็ทำให้เกิดโรคนี้

- โรคโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ (spinal stenosis) มักเกิดมาจากโรคความเสื่อมของกระดูกสันหลัง อาจจะมีกระดูกสันหลังทรุด ทำให้ช่องระหว่างกระดูกสันหลัง ที่เป็นทางออกของเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงขา เกิดการตีบแคบลง จนไปกดเบียดเส้นประสาท หรืออาจเกิดจากหินปูนไปเหาะเนื่องจากความเสื่อม มีกจะมีอาการปวดหลัง อาจมีร้าวลงขา ร่วมกับอาการชาที่ขา ตามตำแหน่งต่างๆขึ้นอยุ่กับระดับของเส้นประสาทที่ไปเลี้ยง

การรักษาเบื้องต้น นอกจากการรับประทานยาแก้อักเสบคลายกล้ามเนื้อแล้ว การรักษาอาการปวด อาจต้องใช้กายภาพบำบัดร่วมด้วย และควรจะต้องออกกำลังกาย เพื่อเป็นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อส่วนที่เกร็งนั้นออก(Stretching) และเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงมากขึ้น อาจจะฝึกตามท่าโยคะท่าง่ายต่างๆ เช่น ท่าร้อยเข็ม(Thread the needle) จะช่วยยืดกล้ามเนื้อสะโพก ควรทำเป็นประจำทุกวัน สามารถค้นหาท่าบริหารกล้ามเนื้อสะโพกเพิ่มเติมได้ค่ะ

การออกกำลังที่ปลอดภัยและแนะนำเช่น การว่ายน้ำ ควรทำสม่ำเสมอ อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ การออกกำลังประเภทนี้ จะช่วยทำให้เลือดไหลเวียนสะดวกขึ้น ทำให้อาการอักเสบลดลง และเป็นการคลายกล้ามเนื้อไปในตัว จะช่วยลดอาการได้
นอกจากนี้แพทย์ทางเลือก เช่น การฝังเข็มแผนจีน และครอบแก้ว สามารถช่วยลดการอักเสบและทำให้การหดเกร็งของกล้ามเนื้อลดลง ทำให้กล้ามเนื้อคลายลง และช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้นเพื่อลดอาการปวดได้เช่นกันค่ะ

อย่างไรก็ดี หากอาการเป็นมานานแนะนำให้พบแพทย์ศัลยกรรมกระดุกและข้อ (ออโธปิดิกสื) เพื่อประเมินอาการและตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องต่อไปค่ะ