สวัสดีครับจากคำถามเก่าที่บอกว่า "ผมมีอะไรกับแฟนครั้งแรกตอนวันที่ 20/04/62 หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วันแฟนผมมีประจำเดือน แล้วผมมีอะไรกับแฟนล่าสุดวันที่ 26/04/62 ตอนเธอมีประจำเดือนอยู่เพราะเธอบอกแต่เช็คแล้วไม่มีเลือดไหลเลยมีอะไรกันใส่ถุงยางทั้ง 2 ครั้งครับแล้ววันนี้แฟนผมบอกว่าท้องแข็งกดแล้วเจ็บตัวเขารู้สึกเหมือนมีอะไรในท้องเหมือนมีน้ำในท้องประมาณนี้คืออาการแบบนี้แฟนผมมีโอกาสท้องไหมหรือว่าเป็นอาการที่เกิดจากอย่างอื่นครับ ผมควรแก้ไขยังไงบ้างครับแนะนำทีครับผมกังวลมาก" แฟนผมบอกว่ามีประจำเดือนไหลหลังจากมีอะไรกันวันที่ 26 ประมาณ 2 วันคือประมาณวันที่ 28 นี่คือไม่ท้องชัวๆแล้วใช่มั้ยครับ หรือ ว่าท้องหรอครับ ช่วยแนะนำทีครับ

สวัสดีครับ
ถ้าหากลักษณะเลือดที่ออกมาในช่วงที่ผ่านมานั้นมีลักษณะที่สามารถมั่นใจได้ว่าใกล้เคียงกับประจำเดือนตามปกติ โอกาสที่จะมีการตั้งครรภ์ในกรณีนี้ก็เป็นไปได้ยากมากครับ เนื่องจากถ้าหากมีการตั้งครรภ์เยื่อบุโพรงมดลูกก็จะต้องเจริญหนาตัวมากขึ้นเรื่อยๆเพื่อรองรับการฝังตัวของตัวอ่อนและจะไม่หลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน รวมถึงการที่ได้ใช้ถุงยางอนามัยในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์แล้วก็จะทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้น้อยมากครับ

แต่ถ้าหากไม่แน่ใจหรือกังวลมากก็สามารถลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูได้ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ในตอนนี้ยังประเมินเรื่องการตั้งครรภ์จากประจำเดือนของรอบเดือนนี้ได้ยากครับ เนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์ในครั้งนี้จะส่งผลถึงประจำเดือนในรอบเดือนถัดไปมากกว่า

เพียงแต่ที่พอจะบอกได้คืออาการรู้สึกเหมือนมีก้อนในท้องในตอนนี้ไม่น่าใช่อาการที่เกกิดจากการตั้งครรภ์ เนื่องจากถ้ามีการตั้งครรภ์ก็ยังเร็วเกินไปที่จะคลำพบก้อนผิดปกติได้ในตอนนี้ครับ

หมอแนะนำให้รอมสังเกตประจำเดือนในรอบเดือนถัดไปดู ถ้าหากรอบเดือนถัดไปประจำเดือนมาตามปกติก็จะพอบอกได้ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ครับ
และถ้าหากในระนี้กังวลเรื่องการตั้งครรภ์มากก็สามารถลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูได้ตามวิธีที่หมอได้แนะนำไปครับ

1. การตั้งครรภ์จะไม่ทำให้เกิดอาการปวดท้องครับ ในกรณีนี้อาการปวดท้องจึงน่าจะเกิดจากสาเหตุอื่นมากกว่า

2. ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยวิธีใดๆเพิ่มเติมเนื่องจากได้มีการใช้ถุงยางอนามัยไปแล้วครับ ถ้าหากใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกต้องก็จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้น

แต่ถ้าต้องการรับประทานยาคุมแบบรายเดือนเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ในครั้งต่อๆไปก็สามารถเริ่มรับประทานได้ 2 แนวทาง คือ
- รอให้ประจำเดือนมาก่อนและให้เริ่มรับประทานยาคุมภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ซึ่งจะมีผลให้ยาคุมออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันทีตั้งแต่วันแรกที่รับประทาน
- เริ่มรับประทานยาคุมในทันที แต่ในกรณีนี้จะต้องรับประทานยาคุมติดต่อกันนานอย่างน้อย 7 วันก่อน ยาคุมจึงจะเริ่มป้องกันการตั้งครรภ์ได้ และในช่วง 7 วันแรกของการรับประทานยาคุมก็จะต้องงดการมีเพศสัมพันธ์หรือใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยไปก่อน

ในกรณีที่ยาคุมออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่แล้ว และสามารถรับประทานยาคุมได้สม่ำเสมอตรงเวลา ก็จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 0.3% ครับ

ต้องกินยาคุมก่อนมีเพศสัมพันธ์จึงจะมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้หลังจากนั้นครับ

โดยส่วนใหญ่แล้วถ้ามีการตั้งครรภ์ น้ำหนักก็มักจะเพิ่มขึ้นมากกว่าที่จะลดลงครับ

หมอแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินเรื่องการตั้งครรภ์ให้ทราบแน่ชัดก่อนว่ายังมีการตั้งครรภ์อยู่หรือไม่ครับ ถ้าหากยังไม่ทราบว่ามีการตั้งครรภ์อยู่หรือไม่ก็ยังไม่สามารถให้คำแนะนำต่อไปได้ครับ

เนื่องจากตามข้อมูลที่ให้มานั้นมีโอกาสที่จะยังมีการแท้งที่ไม่สมบูรณ์สูง จึงยังมีโอกาสที่จะยังมีการตั้งครรภ์ได้อยู่ครับ

หมอแนะนำว่าไม่ควรต้องกังวลว่าจะยังมีการตั้งครรภ์อยู่แต่ควรรีบไปตรวจให้ทราบตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าหากมีการตั้งครรภ์จริงแล้วเกิดภาวะแทรกซ้อนจะยิ่งแก้ไขได้ยากขึ้นครับ

ถ้าหากมีการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมจริงๆและต้องการที่จะยุติการตั้งครรภ์ก็ควรปรึกษาสูติแพทย์เพื่อทำการยุติการตั้งครรภ์ในโรงพยาบาลครับ

ทั้งนี้ทางสูติแพทย์จะต้องมีการประเมินความเหมาะสมของการยุติการตั้งครรภ์ตามแง่มุมของทางการแพทย์และทางด้านกฎหมายก่อนเพื่อให้การยุติการตั้งครรภ์เป็นไปด้วยความปลอดภัยและถูกต้องมากที่สุดครับ

นอกจากนี้ก็ยังสามารถโทรไปปรึกษาที่สายด่วนสำหรับผู้ตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมเบอร์ 1663 เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม รวมถึงหาโรงพยาบาลในเครือข่ายที่พร้อมจะดูแลผู้ที่มีการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมได้อีก 1 ช่องทางครับ

ไม่ทราบว่าที่ถามเรื่องวัยหมายถึงสำหรับเรื่องใดครับ

ไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยใดก็สามารถติดต่อไปที่โรงพยาบาลเพื่อประเมินความเหมาะสมในการยุติการตั้งครรภ์ได้ครับ ถ้าหากแพทย์ประเมินว่ามีความเหมาะสมก็สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้ครับ

การแปลผลตรวจการตั้งครรภ์ควรแปลผลในช่วงเวลาที่ชุดตรวจแนะนำ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็มักไม่เกิน 5 นาทีหลังเริ่มตรวจครับ

การแปลผลตรวจที่ช้าเกินไปจะทำให้แปลผลตรวจผิดพลาดได้ครับ

หมอขอทราบรายละเอียดของการตรวจการตั้งครรภ์ครั้งที่ผ่านมาก่อนครับว่าได้ตรวจอย่างไร ผลที่เวลา 5 นาทีเป็นอย่างไร และผลตรวจที่ทำให้กังวลเป็นผลตรวจที่เวลาเท่าไหร่หลังตรวจและผลเป็นอย่างไร

ถ้าเช่นนั้นก็แนะนำให้แปลผลตรวจภายในเวลาไม่เกิน 5 นาที เพื่อให้ผลตรวจที่ได้ไม่ผิดพลาดครับ

หมอขออนุญาตแก้ไขข้อมูลเล็กน้อยนะครับ จากคำตอบที่หมอตอบไปก่อนหน้านี้ “หมอแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินเรื่องการตั้งครรภ์ให้ทราบแน่ชัดก่อนว่ายังมีการตั้งครรภ์อยู่หรือไม่ครับ ถ้าหากยังไม่ทราบว่ามีการตั้งครรภ์อยู่หรือไม่ก็ยังไม่สามารถให้คำแนะนำต่อไปได้ครับ“ “เนื่องจากตามข้อมูลที่ให้มานั้นมีโอกาสที่จะยังมีการแท้งที่ไม่สมบูรณ์สูง จึงยังมีโอกาสที่จะยังมีการตั้งครรภ์ได้อยู่ครับ“

คำตอบเหล่านี้เป็นคำตอบที่ผิดเนื่องจากหมออ่านคำถามของคุณสลับกับอีกกระทู้หนึ่งครับ

..........

หมอขออธิบายคำตอบสำหรับคำถามของคุณใหม่อีกครั้งนะครับ
1. จากในกรณีของคุณมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้น้อยมาก เนื่องจากได้มีการใช้ถุงยางอนามัยในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์แล้วครับ

2. การมีเลือดออกผิดปกติหลังเพิ่งหมดประจำเดือนไปไม่นานไม่ใช่อาการที่จะบ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ได้ ในกรณีนี้จึงยังไม่ควรต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์มากอยู่ดีครับ

3. อาการหิว อยากกินของหวาน อยากกินของแปลกๆไม่ใช่อาการที่จะบ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ในกรณีนี้ครับ เนื่องจากเพิ่งผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาไม่นาน ในช่วงเวลานี้ถ้ามีการตั้งครรภ์จริงก็ยังไม่ควรมีอาการใดๆเกิดขึ้นครับ

4. การตรวจการตั้งครรภ์นั้นควรตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ในกรณีที่คุณต้องการตรวจการตั้งครรภ์จริงๆก็ควรรอตรวจในตอนเช้าของวันที่ 10 พฤษภาคม ซึ่งห่างจากวันที่ 26 เมษายนซึ่งเป็นวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 14 วันครับ การตรวจการตั้งครรภ์ในวันพรุ่งนี้จะยังไม่สามารถให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ครับ

หมอขอให้ยึดตามคำตอบนี้เป็นหลักนะครับ ต้องขออภัยสำหรับคำตอบของวันนี้ก่อนหน้านี้ด้วยครับ