มีประจำเดือนวันที่28ก.ย..61-2ต.ค.61 เเล้วมีอะไรกับเเฟนวันที่14ต.ค.61 หลั่งนอก เเต่ไม่มั่นใจค่ะ เลยทานยาคุมฉุกเฉินไป เเล้วมีเลือดวันที่21-24ต.ค.61 ไม่เเน่ใจว่าใช่ประจำเดือนมั้ยเพราะหนูเป็นคนประจำเดือนมาไม่ปกติ เเล้วมีอะไรกับเเฟนวันที่11พ.ย.61 ไม่ซื้อถุงไว้เลยสดค่ะ เเต่เค้าไม่เสร็จเพราะเพิ่งฟื้นไข้ ตอนนี้รอดูประจำเดือนเดือนนี้ค่ะ เเต่ไม่สบายใจ หลังๆรู้สึกท้องใหญ่ อาจจะเพราะอ้วนขึ้นมั้ยไม่เเน่ใจ มีเมือกเหลืองๆออกจากช่องคลอด เเต่ไม่มากนัก เป็นบางวันด้วยค่ะ เเล้วเวลาโดนหัวนมก็จะเจ็บ ขอตั้งคำถามนะคะ 1.มีโอกาสท้องมากน้อยเเค่ไหน? 2.เมือกสีเหลืองเกิดจากอะไร? 3.เจ็บหัวนมเพราะอะไร? 4.ทำไมกินยาคุมฉุกเฉินเเล้วประจำเดือนไม่มาภายใน7วัน หากมีอะไรเเนะเพิ่มเชินได้เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ
หมอขอค่อยๆตอบไล่ไปทีละคำถามนะครับ
1. การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้มีการป้องกันนั้น แม้จะไม่มีการหลั่งก็ยังมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% ครับ เนื่องจากในขณะที่มีการสอดใส่นั้นอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปผสมกับไข่ได้ แต่ถ้าหากได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ โอกาสตั้งครรภ์ก็จะลดลงไปได้อีก 75-85% ซึ่งในกรณีนี้คุณได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินไปเพียงครั้งเดียว การมีเพศสัมพันธ์ครั้งที่ 2 จึงยังมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% อยู่ครับ

2. หมายถึงเมือกสีเหลืองที่ออกมาทางช่องคลอดใช่ไหมครับ?
ในที่นี้อาจจะยังไม่สามารถบอกได้ชัดเจนครับว่าเมือกดังกล่าวเกิดจากอะไรและมีความผิดปกติหรือไม่ แต่หมอแนะนำให้สังเกตอาการดูว่า ถ้าหากมีอาการดังต่อไปนี้ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมครับ
- มีอาการคันในช่องคลอด
- ตกขาวหรือเมือกดังกล่าวมีกลิ่นเหม็น
- มีไข้
- มีอาการปวดท้องรุนแรง

3. อาการเจ็บคัดตึงเต้านมนั้นเป็นอาการที่เกิดได้ในช่วงที่ร่างกายมีระดับฮอร์โมนเพศในเลือดสูง ซึ่งอาจเกิดได้จาก ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน อาการนำก่อนที่จะมีประจำเดือน หรือเป็นอาการในช่วงที่มีการตั้งครรภ์ก็ได้ครับ

4. หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินประจำเดือนไม่จำเป็นต้องมาใน 7 วันครับ
หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินนั้นประจำเดือนมักจะยังมาใกล้เคียงกับกำหนดประจำเดือนตามปกติ แต่ในกรณีที่คุณมีประจำเดือนที่ไม่สม่ำเสมออยู่แล้วจะบอกได้ยากครับว่าประจำเดือนควรจะมาเมื่อไหร่
นอกจากนี้การรับประทานยาคุมฉุกเฉินก็ยังมีผลข้างเคียงทำให้มีเลือดออกกระปริดกระปรอยทางช่องคลอดได้ด้วย ทำให้บางครั้งมีการสับสนกับประจำเดือนได้ครับ

ที่หมออยากแนะนำเพิ่มเติมคือ
1. การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งนอกไม่ใช่วิธีที่ปลอดภัยครับ ดังนั้นทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์จึงควรมีการคุมกำเนิดด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ เช่น ใช้ถุงยางอนามัย รับประทานยาคุมแบบรายเดือน
2. ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเองก็ไม่ใช่วิธีการคุมกำเนิดที่ประสิทธิภาพดีเช่นกัน จึงแนะนำให้ใช้เฉพาะในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันเท่านั้น ถ้าหากจะมีเพศสัมพันธ์อีกหมอแนะนำให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นตามที่แนะนำไว้ในข้อแรกจะดีกว่าครับ
3. ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานจริงๆก็ควรลองตรวจการตั้งครรภ์ดูด้วยครับ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ