1.หลังจากผ่าตัดท่อน้ำดีของเด็กอายุไม่เกิน 2เดือน หลังจากผ่าแล้วโอกาสหายเป็นปกติเหมือนคนทั่วไปไหมคับ 2. ผลการผ่าตัดจะสำเร็จกี่เปอร์ ขึ้นอยู่กับหมอด้วยรึไหมคับ 3. มีเคสหนึ่งผมเห็นผ่าแล้ว น้องเขาเหมือนไม่ดีขึ้นเลย แผลผ่าตัดใหญ่มาก ท้องก็โต ตัวเหลืองไม่เห็นลดลงเลย จากการสอบถามพ่อแม่เด็ก หมอก็ยังบอกไม่รุ้สาเหตุ

สวัสดีค่ะ การผ่าตัดท่อน้ำดีอุดตันในเด็ก หรือ Kasai operation เป็นการผ่าตัดเพื่อช่วยแก้ไข โดยการตัดท่อน้ำดีที่อุดตันออก และเปิดทางระบายน้ำดีจากตับ ลงสู่ลำไส้เล็กของเด็กค่ะ โดยจะทำโดยคุณหมอศัลยกรรมเด็กที่เชี่ยวชาญค่ะ และต้องได้รับการตรวจติดตาม การเสริมสารอาหารที่จำเป็นต่อโดยกุมารแพทย์ทางเดินอาหารค่ะ
-การผ่าตัดจะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่ ลักษณะทางกายภาพของตับเด็กและทางเดินน้ำดี โรคร่วมในเด็ก ช่วงเวลาที่ทำการผ่าตัด (อายุไม่เกิน 60วัน) ค่ะ
-ตามทฤษฎี การผ่าตัดควรจะรักษาโรคนี้ให้หายเป็นปรกติได้ (แต่ยังต้องได้รับการตรวจติดตามเป็นระยะๆหลังผ่าตัด) แต่ในความเป็นจริง มีเด็กเพียง 1/3 เท่านั้น ที่จะไม่ต้องการเปลี่ยนตับในอนาคตค่ะ ส่วนอีก 2/3 มักมีการระบายน้ำดีได้ไม่เพียงพอ จนโรคดำเนินถึงโรคตับเรื้อรัง และต้องการการเปลี่ยนตับในอนาคตค่ะ

การวินิจฉัยที่แม่นยำที่สุดของการวินิจฉัยท่อน้ำดีอุดตัน (biliary atresia) คือ การผ่าตัดและฉีดสีท่อน้ำดีค่ะ (intraoperative cholangiography) ซึ่งทำโดยกุมารศัลยแพทย์ ค่ะ หากพบมีความผิดปกติ ก็ผ่าตัดต่อไปเลยค่ะ โดยทั่วไป หากคนไข้ติดตามรักษา อยู่กับกุมารแพทยฺโรคทางเดินอาหารและกุมารศัลยแพทย์อยู่แล้ว ไม่แนะนำให้เปลี่ยน รพ บ่อยๆ เนื่องจากการส่งตรวจเพิ่มเติมหลายๆครั้งโดยไม่จำเป็น นอกจากจะทำให้เด็กต้องพบกับรังสีปริมาณมากแล้ว ยังทำให้เเ็กต้องเสียโอกาสมนการเริ่มต้นการตรวจใหม่ทุกครั้ง การผ่าตัดอาจล่าช้าไปได้ค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายโรค ที่มีลักษณะอาการคล้ายกับท่อน้ำดีอุดตัน แต่ไม่ใช่ท่อน้ำดีอุดตันนะคะ เช่น ตับอักเสบจากภูมิคุ้มกัน ซึ่งมักไม่ทราบสาเหตุ และเมื่อตรวจติดตามต่อไป มักหายได้เอง เป็นต้น ทั้งนี้ คุณหมอจะหลีกเลี่ยงกาตผ่าตัด หากไม่มีข้อบ่งชี้ เนื่องจากการผ่าตัดมีข้อแทรกซ้อน ปัจจุบัน การตรวจเลือด และเอกเรย์บางอย่าง เช่น DISIDA ก็ให้ผลค่อนข้างแม่นยำ สาทารถเชื่อถือได้แล้วค่ะ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ทำใจให้สบาย ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอเจ้าของไข้ หากมีข้อสงสัย แนะนำให้สอบถาม ปรึกษา พูดคุย และวางแผนการรักษาร่วมกัน จะเกิดประโยชน์กับเด็กสูงสุดค่ะ