ผมมีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง​ และเกิดมีอาการอ่อนแรง​แต่ไม่ได้ถึงกับชาครึ่งซีก​ หลังจากมีอาการผมได้รีบเข้าพบแพทย์​โดยด่วนและได้ทำการตรวจสแกรนสมิงแต่ก็ไม่พบเส้นเลือดตีบหรือแตก​และได้แอดมิด​ เช้าของอีกวันได้ทำการเจาะเลือดตรวจเบาหวาน​ ไขมัน​ ไต​ ซึ่งผลตรวจที่ออกมาของผมก็อยู่ในเกณฑ์​ปกติ​ ทางคุณหมอเลยให้ยาSimvastatin.ขนาด40mgให้รับประทานครึ่งเม็ด20mgก่อนนอน​ จากระยะเวลา1เดือน​8​วัน​ที่ผ่านมา คือมีอาการ1.ปวดกระดูกต้นคอ ลามมาที่หลัง ไม่สามารถหันคอซ้ายและขวาได้ลำบาก 2.หัวใจเต้นเป็นบางจังหวะ 3.มือเท้าชาและอ่อนแรง 4.ถ้านั่งขับรถเป็นเวลาเกิน1ชม.จะมีอาการวูบๆคล้ายจะเป็นลม ตัวเย็นใจสั่น 5.ตาจะพร่ามัว ถ้าเจอแสงแดดก็จะน้ำตาไหลเลย ผมมีความวิตกกังวลจากอาการที่เกิดขึ้นนี้มาก​เพราะก่อนหน้านี้ผมสามารถออกกำลังกายและไปวิ่งเป็นประจำหลังจากทานยานี้ทำให้ผมอ่อนเพลีย​ อ่อนล้า​ และปวดตามกระดูกต้นคอลามมาถึหลังจนไม่สามารถไปออกกำลังกายได้​ วันนี้ผมเลยไปพบจิตแพทย์​เพราะปัญหานี้มันกวนใจผมมากทางคุณหมอจิตแพทย์​ท่านก็วินิจฉัย​ว่าอาการของผมไม่น่าจะเกิดจากโรคเส้นเลือดสมองตีบน่าจะมาจากโรควิตกกังวลมากกว่า​ ผมจึงอยากสอบถามว่าผมครที่จะหยุดยาSimvastatinนี้หรือไมครับ​ เพราะผมทานแล้วไม่ได้รู้สึกดีเลยมันทำให้รู้สึกแย่กว่าเดิม​

ไม่ควรหยุดยา Simvastatin เองนะคะ..ควรปรึกษาแพทย์ทางด้านอายุกรรม ตรวจเช็คให้แน่ใจว่าไม่ได้มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับเส้นเลือดในสมองหรือความดันโลหิต หากร่างกายคุณปกติ คุณหมอจะสั่งหยุดยาให้เองค่ะ

ในส่วนของโรควิตกกังวล ก็ต้องรักษาควบคู่กันไปค่ะ จะหยุดยาหรือไม่รักษาต่อในโรคใดโรคนึงไม่ได้ต้องให้แพทย์ประเมินอาการจะพิจารณาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมจะปลอดภัยที่สุดค่ะ

สวัสดีครับ
การรับประทานยาSimvastatinนั้นมีข้อบ่งชี้ในการรับประทาน คือ เพื่อลดระดับไขมันในเลือดของผู้ที่มีความเสี่ยงจะป่วยเป็นโรคหัวใจหรือโรคหลอดเลือดสมองในอนาคต เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคดังกล่าว

อย่างไรก็ตามการที่ตรวจวินิจฉัยกับทางจิตแพทย์แล้วพบว่าเป็นโรควิตกกังวลนั้นไม่ได้เป็นการบ่งบอกว่าจะไม่มีข้อบ่งชี้ในการรับประทานยาSimvastinครับ เพราะขึ้นอยู่กับว่าแพทย์ผู้เริ่มสั่งการรักษาด้วยยาSimvastinนั้นพิจารณาว่าคุณมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองมากน้อยเพียงใด

จากอาการตามที่เล่ามานั้นหมอคิดว่าอาจมีโอกาสที่จะหยุดยาSimvastatinได้ครับ แต่การจะหยุดยานั้นควรจะอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ที่ดูแลอยู่ประจำ เพราะการจะหยุดยาได้ต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น ระดับไขมันในเลือดในปัจจุบัน ความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดต่างๆ

นอกจากนี้ตัวยาSimvastatinเองก็สามารถมีปฏิกิริยากับยาแก้โรควิตกกังวลได้หลายชนิดครับ ดังนั้นในกรณีที่ไม่ได้หยุดยาก็ควรมีการปรึกษากับแพทย์ที่ดูแลอยู่ประจำด้วยว่ามียาใดที่มีปฏิกิริยากับยาSimvastinหรือไม่ เพราะถ้ามีก็อาจต้องมีการเปลี่ยนชนิดของยาที่ใช้รักษาครับ เนื่องจากการใช้ยาที่มีปฏิกิริยาระหว่างกันจะส่งผลให้ยาแต่ละตัวอาจตกค้างอยู่ในร่างกายมากเกินไปทำให้เกิดผลข้างเคียงจากยาได้มากขึ้น หรือระดับยาในเลือดอาจน้อยเกินไปทำให้การรักษาโรคไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร

สวัสดีค่ะ ตัวยา Simvastatin มีผลข้างเคียงที่พบได้ คืออาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อค่ะ ถ้าหากเป็นมาก อาจทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อสลาย หรือ Rhabdomyolysis ได้ แต่การใช้ยานี้ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง มีประโยชน์ในเรื่องของการป้องกันภาวะไขมันอุดตันเส้นเลือด ที่เป็นสาเหตุให้เกิด โรคหัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจตาย รวมถึงโรคหลอดเลือดสมองได้
แต่เมื่อคนไข้มีอาการดังกล่าว แนะนำให้ไปพบแพทย์ค่ะ จะมียาตัวอื่นที่ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดและป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคหลอดเลือดดังกล่าว และไม่มีอาการข้างเคียงในเรื่องของกล้ามเนื้อค่ะ
แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์อายุรกรรมที่ทำการรักษาอยู่นะคะ และแจ้งอาการให้แพทย์ทราบค่ะ

สวัสดีครับ
ปกติผู้ป่วยไม่ควรหยุดยาเองครับ ควรกลับไปปรึกษากับคุณหมอผู้เริ่มยานะครับ แต่ในกรณีที่ปวดกบ้ามเนื้ออย่างรุนแรง ผมแนะนำว่าให้หยุดทานก่อนครับ และกลับไปปรึกษาแพทย์ผู้เริ่มยาครับ เพราะหนึ่งใน
ผลข้างเคียงของ simvastatin ทำให้เกิดกล้ามเนื้ออีกเสบได้ (rhabdomyolysis) ครับ แม้ว่าจะพบไม่มากก็ตามครับ มักมีอาการเมื่อยตามกล้ามเนื้อ อ่อนอพลียครับ หากมีอาการดังกล่าว แนะนำไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมครับ อาจต้องตรวจทางห้องปฏิบัติการร่วมด้วยครับ เนื่องจากหากปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้มีการทำงานของตับและไตผิดปกติตามมาได้ครับ
อย่างไรก็ตาม อาจไม่ใช่ภาวะนี้และอาจเป็นปวดกล้ามเนื้อธรรมดาได้ครับ แต่แนะนำพบแำทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมจะปลอดภัยกับผู้ป่วยกว่านะครับ