June 07, 2018 20:52
ตอบโดย
วิภา สุวรรณชีวะศิริ (พญ.)
สวัสดีค่ะ สาเหตุของภาวะประจำเดือนผิดปกติแบ่งได้ 2 สาเหตุใหญ่ๆ คือ ประจำเดือนผิดปกติที่มีสาเหตุมาจากการมีโรคอยู่ภายใน เช่น พวกเนื้องอกมดลูก เนื้องอกรังไข่ เป็นต้น และประจำเดือนผิดปกติที่มีสาเหตุมาจากการทำงานของระบบฮอร์โมนเพศที่ผิดปกติหรือไม่สมดุล ปริมาณและระยะห่างของรอบประจำเดือนจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล มีระยะห่างระหว่างรอบประจำเดือนประมาณ 28 ± 7 วัน และระยะเวลาที่มีประจำเดือนจะอยู่ในช่วง 4 ± 2 วัน
ในกรณีของผู้ป่วย จำเป็นต้องหาสาเหตุก่อนค่ะว่าเพราะอะไรประจำเดือนจึงมาไม่ปกติ และรักษาไปตามสาเหตุของการเกิดโรค ซึ่งโดยส่วนใหญ่หากอายุน้อย ก็มักเป็นจากปัญหาไข่ไม่ตก หรือตกไม่สม่ำเสมอ ทำให้ฮอร์โมนเพศที่สร้างจากรังไข่นั้นผิดปกติไป ส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกตินั่นเอง หรือหากมีประวัติการใช้ยาคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบฉีดหรือรับประทานมานาน ๆ ก็อาจทำให้ประเดือนมาไม่ปกติได้เช่นเดียวกันค่ะ ทั้งนี้แนะนำควรพบแพทย์เพื่อซักถามประวัติเพิ่มเติม ตรวจร่างกาย เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องต่อไปค่ะ
ส่วนการคุมกำเนิด อาจจะใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิดร่วมกับการใส่ถุงยางอนามัยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สาเหตุของประจำเดือนที่มาไม่ตรงรอบเกิดได้จากหลายสาเหตุนอกเหนือจากการตั้งครรภ์ครับ
สาเหตุที่เป็นไปได้ เช่น
- ไข่ตกไม่สม่ำเสมอ(เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด)
- ความเครียด
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- ภาวะน้ำหนักเกิน
- มีถุงน้ำในรังไข่หลายใบ(PCOS)
- การดื่มสุรา และสูบบุหรี่
แนะนำว่าถ้าหากประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอบ่อยๆ ควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติมอีกทีครับ
ส่วนวิธีการคุมกำเนิดที่ได้ผลดีกว่าการคุมกำเนิดโดยใช้ถุงยางอนามัย หมอแนะนำให้ใช้วิธีการฉีดยาคุมกำเนิดหรือฝังยาคุมกำเนิดครับ(ถ้าหากต้องการคุมกำเนิดในระยะยาว ไม่มีแผนที่จะมีบุตรในเร็วนี้)
โดยที่ยาฉีดคุมกำเนิดจะต้องไปฉีดทุก 1 หรือ 3 เดือนขึ้นอยู่กับตัวยาที่ใช้
ส่วนยาฝังคุมกำเนิดฝังหนึ่งครั้ง อยู่ได้นาน 3 หรือ 5 ปีขึ้นอยู่กับชนิดยาที่ใช้
ซึ่งการคุมกำเนิดทั้งสองวิธีนี้สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ศุภลักษณ์ แซ่จัง (พว.)
วิธีคุมกำเนิด สามารถทำได้หลายวิธี
1.การทานยาคุมกำเนิด ซึ่งมีแบบ 21 และ 28 เม็ด
2.การฉีดยาคุมกำเนิด
3.การฝั่งยาคุมกำเนิด
4.การใช้ถุงยางอนามัย เป็นต้น
ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสีย แตกต่างกันไป และไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดที่ได้ผล 100 เปอร์เซนต์
จากที่คุณกล่าวมา การใช้ถุงยางอนามัยถือเป็นวิธีคุมกำเนิดวิธีหนึ่ง ซึ่งสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ และสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากสวมใส่ถุงยางอนามัยถูกวิธี และไม่มีฉีกขาด หรือรั่วซึม ขณะมีเพศสัมพันธ์ ก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เปอร์เซนต์ตั้งครรภ์ค่อนข้างน้อย หากกังวลขณะมีเพศสัมพันธ์แนะนำวิธีทานยาคุม และเมื่อต้องการมีบุตรก็สามารถหยุดยาคุมได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
สุพิชชา แสงทองพราว (พญ.)
การที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ เกิดได้หลายสาเหตุค่ะ เช่นความผิดปกติของมดลูก รังไข่ ความผิดปกติของฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย ความเครียดก็ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของการตกไข่ได้ อาจทำให้เกิดการตกไข่ช้ากว่าปกติ ประจำเดือนจึงมาช้า และไม่สม่ำเสมอ
กรณีนี้ แนะนำให้รับประทานยาคุมกำเนิดแบบแผงค่ะ เพราะจะช่วยคุมกำเนิดได้มากขึ้น ร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัยซึ่งช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
นอกจากนี้ ยาเม็ดคุมกำเนิดยังสามารถช่วยปรับฮอร์โมนได้ และทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ เนื่องจากเม็ดยาคุม จะมีฮอร์โมนที่เลียนแบบการมีประจำเดือนโดยธรรมชาติค่ะ ในกรณีที่ต้องการมีประจำเดือน วิธีนี้จะตอบโจทย์มากที่สุด
หากรับประทานยาคุมกำเนิดสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง กินตรงเวลาทุกวัน ไม่ลืม จะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดได้ประมาณ 99% ค่ะ
วิธีการคุมกำเนิดแบบอื่นที่ได้ผลดี เช่น การฝังยาคุมกำเนิด คือฝังใต้ผิวหนังครั้งเดียว สามารถคุมกำเนิดได้ 3 ปี หรือ 5 ปี แล้วแต่ชนิด และมีประสิทธิภาพการคุมกำเนิดที่ดี สูงถึง 99.9% ค่ะ หรือการฉีดยาคุมกำเนิด แต่ก็อาจจะมีผลข้างเคียงเช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ กะปริดกะปรอยได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปกติรอบประจำเดือนก็38วัน แต่นี่44วันเข้าไปแล้วคะแล้วทุกรอบที่มีประจำเดือนก็มีอาการปวดท้องหนักมาก อันนี้อันตรายมั้ยคะแล้วครั้งนี้ที่ประจำเดือนไม่มาเสี่ยงท้องมั้ยคะ
ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 386 บาท ลดสูงสุด 61%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สาเหตุที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอเป็นได้จากหลายๆสาเหตุจากที่อธิบายไปตามข้างต้นครับ
แต่ถ้ามีอาการปวดประจำเดือนร่วมด้วยบ่อยๆ ก็อาจต้องระวังว่าจะมีเนื้องอกมดลูกหรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ได้ครับ
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ต้องได้รับการตรวจยืนยันจากแพทย์นรีเวชจึงจะวินิจฉัยได้ครับ
ส่วนความเสี่ยงที่ว่าจะตั้งครรภ์มีหรือไม่นั้น ถ้าเคยมีเพศสัมพันธ์โดยการสอดใส่มาก่อนถือว่ามีความเสี่ยงครับ เนื่องจากไม่มีวิธีการคุมกำเนิดวิธีใดที่ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100%
แต่ถ้าตรวจการตั้งครรภ์ดูแล้ว โดยตรวจภายหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปนานกว่า 14 วันก็น่าจะเชื่อถือได้ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ครับ
ทั้งนี้อาจไปตรวจยืนยันผลอีกครั้งที่โรงพยาบาลได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
อย่างนี้ก็ถือว่ามีโอกาสท้องสูงถูมั้ยคะ ต่อให้ป้องกันโดนไส่ถุงยางก็ตาม มีวิธีที่รู้ไวกว่านี้มั้ยคะ เครียดมากเลย
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ถ้าหากใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกต้อง ไม่มีการแตกรั่วของถุงยางอนามัย โอกาสตั้งครรภ์จะมีประมาณ 2% ครับ
ส่วนวิธีที่จะทำให้รู้ว่ามีการตั้งครรภ์ฺหรือไม่ได้เร็วที่สุดต้องใช้วิธีการตรวจระดับฮอร์โมน HCG ในเลือดครับ ซึ่งตรวจได้ภายหลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 10 วัน แต่วิธีนี้ทำได้เฉพาะในบางโรงพยาบาลเท่านั้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
จนตอนนี้ ปจด ก็ยังไม่มา ไม่ทราบว่ามียาเร่งมั้ยคะ แล้วควรกินแบบไหนอย่างไงดีคะ
สอบถามหน่อยคะ คือหนูเป็นคนประจำเดือนมาไม่เคยตรงกันเลย ไม่มาเดือนกับอีก9วันละคะ กลัวท้องมากเลยลองซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจดู ก็ขึ้นว่าขีดเดียวตรวจอยู่หรายรอบและหรายแบบก็ขีดเดียว หนูสงสัยคะว่าทำไมประจำเดือนไม่มาแต่ช่วงเดือนที่แล้วมีความเครียดนิดหน่อยคะละก็นอนตี1ตี2บางทีก็ตี4เลย แต่ทุกครั้งที่ที่มี พสพ ก็ป้องกันทุกครั้งนะคะโดยใช้ถุงยางอนามัย พอหลังจากการมี พสพ ก็เทสโดยการไส่น้ำดูมันก็ไม่รั่วนะคะ คุณหมอมีวิธีป้องกับแบบอื่นแนะนำมั้ยคะที่ดีกว่านี้อะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)