August 11, 2018 10:49
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ อาการของคนไข้ อาจเริ่มมีภาวะซึมเศร้าค่ะ ซึ่งจะทำให้เหมือนมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย และอารมณ์ เช่น
1. อารมณ์เปลี่ยนแปลงไป ที่พบบ่อยคือจะกลายเป็นคนเศร้าสร้อย หดหู่ สะเทือนใจง่าย ร้องไห้บ่อย เรื่องเล็กๆน้อยๆ ก็ดูเหมือนจะอ่อนไหวไปหมด บางคนอาจไม่มีอารมณ์เศร้าชัดเจนแต่จะบอกว่าจิตใจหม่นหมอง ไม่แจ่มใส ไม่สดชื่นเหมือนเดิม บางคนอาจมีความรู้สึกเบื่อหน่ายไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งที่เดิมตนเคยทำแล้วเพลินใจหรือสบายใจ
2.ความคิดเปลี่ยนไป มองอะไรก็รู้สึกว่าแย่ไปหมด มองชีวิตที่ผ่านมาในอดีตก็เห็นแต่ความผิดพลาดความล้มเหลวของตนเอง
3. สมาธิความจำแย่ลง
4.มีอาการทางร่างกายต่างๆ ร่วม ที่พบบ่อยคือจะรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง
5.ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างเปลี่ยนไป
6. การงานแย่ลง ความรับผิดชอบต่อการงานก็ลดลง
7. อาการโรคจิต จะพบในรายที่เป็นรุนแรงซึ่งนอกจากผู้ที่เป็นจะมีอาการซึมเศร้ามากแล้ว
**คนไข้สามารถลองทำแบบประเมินได้ที่เว็บไซต์ด้านล่างนี้ค่ะ
http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html
สาเหตุ เกิดจาก ความผิดปกติของสารสื่อ
ประสาทในสมองค่ะ แต่ทั้งนึ้ทั้งนั้น เราอาจมีอาการแบบนี้ได้ในระยะสั้นๆ เมื่อมีสิ่งกระตุ้น ให้เกิดความเศร้าที่ปกติในชัวิตได้ แต่มักไม่ยาวนานมากค่ะ เช่น การสูญเสียของที่รัก เช่น พ่อแม่ แฟน เป็นต้น การผิดหวังจากสิ่งที่คาดหวัง เช่น ผลสอบ หรือ การทำงานที่ไม่เป็นไปตามที่คิด เป็นต้นค่ะ ซึ่งคนปกติ หากปัจจัยเหล่านี้เกิดขึ้น จะสามารถค่อยๆกลับมามีชีวิตปกติได้มนระยะเวลาต่อมาค่ะ หากไม่ดีขึ้น หรือมีความคิดอย่กทำร้ายตัวเอง คนรอบข้าง หรืออยากฆ่าตัวตาย แนะนำให้ไปพบจิตแพทย์ค่ะ
การรักษาโรคซึมเศร้า มีทั้งการปรับชีวิตประจำวันและความคิดค่ะ เช่น การทำให้ให้สบาย ออกกำลังกาย การหาที่ปรึกษาที่เข้าใจ มองโลกในมุมใหม่ๆ ทำในสิ่งที่ชอบที่เป็นประโยชน์ ให้มากขึ้น เป็นต้น และการใช้ยาค่ะ ซึ่งควรสั่งยา และปรับการใช้ยาตามคำแนะนำของจิตแพทย์ และตรวจติดตามผลของการใช้ยาและผลข้างเคียงเป็นระยะๆ เนื่องจากยาเป็นยาอันตราย ไม่ควรซื้อทานเอง และไม่ควรปรับยาเองค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
ฟังจากอาการของคุณเเล้ว หมอคิดถึง กลุ่มโรคซึมเศร้าครับ คือ มีอาการนอนไม่หลับ หมดความสนใจในสิ่งที่เคยชอบหรือกิจกรรมที่เคยชอบ ไม่มีสมาธิ ไม่ค่อยมีเเรง เบื่ออาหาร มีความคิดที่จะทำร้ายตัวเอง
หมอเเนะนำให้ไปพบจิตเเพทย์ครับ คนไข้บางกลุ่มจะเขินอายที่ต้องไปพบจิตเเพทย์ เเต่จริงๆไม่ใช่เรื่องที่น่าอายเเต่อย่างใด
นอกจากคุณจะได้รับคำเเนะนำที่ดีเเล้ว คุณหมอจะประเมินว่าคุณจำเป็นต้องได้รับการรักษา คือ ยาต้านซึมเศร้า ซึ่งเป็นยาปรับระดับสารสื่อประสาทในสมองครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
อาการในลักษณะนี้นั้นอาจเป็นอาการของโรคซึมเศร้าได้ครับ
โรคซึมเศร้านั้นเกิดจากการการทำงานของสารเคมีในสมองที่ผิดปกติทำให้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์เศร้าได้และอารมณ์เศร้านั้นก็มักเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน
อาการของโรคซึมเศร้าจะประกอบด้วยการมีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ร่วมกับมีอาการ
- นอนไม่หลับหรืออยากนอนมากขึ้น
- เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น
- ไม่มีสมาธิ
- อ่อนเพลียไม่มีแรง
- คิดช้าทำช้าลงหรือกระสับกระส่ายมากขึ้น
- คิดในแง่ลบ คิดโทษตัวเองบ่อยๆ หรือเห็นคุณค่าในตนเองลดลง
- เคยคิดหรือลงมือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
ในเบื้องต้นสามารถประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าด้วยตัวเองโดยการทำแบบทดสอบ 9Q ตามลิงค์นี้ได้ครับ
https://www.dmh.go.th/test/download/files/2Q%209Q%208Q%20(1).pdf
ถ้าทำได้คะแนน 7 คะแนนขึ้นไปก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้
แนะนำให้ไปพบจิตแพทย์เพื่อประเมินอาการดูครับ โรคซึมเศร้านั้นสามารถรักษาให้ดีขึ้นจนกระทั่งหายได้ โดยการรับประทานยาเพื่อปรับการทำงานของสารเคมีในสมองใหม่ ร่วมกับฝึกทักษะการผ่อนคลาย การจัดการความคิด และทำจิตบำบัดขึ้นอยู่กับกรณีไป ทางจิตแพทย์จะเป็นผู้เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมให้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
ใจเย็นๆนะคะ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะรู้สึกผ่อนคลาย
ทีนี้มาฟังคำแนะนำนะคะ
ถ้าใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมารวมวันนี้มีอาการเหล่านี้บ่อยๆ
1. เบื่อหน่าย ไม่สนใจอยากจะทำอะไร
2. ไม่สบายใจ ซึมเศร้า ท้อแท้
3. หลับยาก หลับๆตื่นๆ หรือหลับมากเกินไป
4. เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง อ่อนเพลีย
5. เบื่ออาหาร หรือ กินได้มาก กินจุบจิบตลอดเวลา
6. รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง คิดว่าล้มเหลว หรือคิดว่าทำให้ตนเองและครอบครัวต้องผิดหวัง
7. ขาดสมาธิ เหม่อลอย ขี้ลืมบ่อย
8. ทำอะไรช้าลง กระสับกระส่าย อยู่นิ่งไม่ได้
9. คิดทำร้ายตัวเอง อยากตาย หรือตายไปจะดีกว่า
อาการเหล่านี้เป็นอาการของโรคซึมเศร้า ซึ่งสามารถรักษาให้หายได้ด้วยยาต้านเศร้า ยาจะช่วยปรัสารเคมีในสมองให้หลั่งสมดุล ทำให้การคิด อารมณ์ความรู้สึก การแสดงพฤติกรรมกลับมาเป็นปกติสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้โดยปกติสุขค่ะ
ในกรณีที่คนในครอบครัวไม่เข้าใจ ก็ไม่เป็นไรแต่ขอให้รู้ว่าตอนนี้ตัวเราควรพบจิตแพทย์ เพื่อทำการรักษาอาการที่ทำให้ชีวิตเราเป็นทุกข์นะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดิ์ค่ะคุณหมอ หนูขอรบกวนคุณหมอช่วยตอบคำถามหนูหน่อยนะค่ะ หนูมีอาการแบบนี้ค่ะ ร้องไห้อยากตายคิดฆ่าตัวตายบ่อยๆ ไม่อยากเจอคนแยอะๆกลัว ขังตัวเองใวแต่ในบ้าน จากที่เคยชอบแมวมากๆก็เบื่อ เบื่อทุกสิ่งทุก อย่างอยากอยู่คนเดี่ยว แล้วเคยได้ยินมาว่าการฆ่าตัวตาย แล้วจะไม่ได้เกิดอีก ซึ่งหนูก็ไม่อยากจะเกิดอีก ก็จะพยายามจะฆ่าตัวตาย ช่วงหลังๆคือตั้งแต่สิงหาคมมาเริ่มเป็นถี่มากขึ้น หนูมีลูกสองคนมีสามี แต่คนพวกนี้เขาหัวเราะคิดว่าหนูเรียกร้องความสนใจ บางครั้งก็คิดได้ว่าเราต้องอยู่เพื่อเขา บ้างครั้งก็อยากตายไม่อยากอยู่เพื่อใคร ช่วยหนูไห้แนวทางหนูที่ค่ะ หนูทุกข์ใจหลือเกิน
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)