หนูอยากทราบค่ะว่าเป็นเกี่ยวกับโรคเครียดหรือเปล่าค่ะ พอดีว่าเวลาที่หนูเครียดหรือร้องไห้มันจะมีอาการชาบริเวณมือ มือสั่น ใจสั่นใจไม่ค่อยดีค่ะ มันเหมือนแบบว่าพอเวลาเราคิดมากค่ะ มันก็จะมีอาการแบบนี้ และก็นอนไม่ค่อยหลับด้วยค่ะแต่ว่าเป็นบางครั้งนะค่ะ

สวัสดีครับ
เวลาที่คนเรามีอารมณ์เศร้าอย่างรุนแรง ร้องไห้มากๆอาจส่งผลให้เกิดเกิดอาการทางกาย เช่น ชาตามปลายมือปลายเท้า ใจสั่น หายใจไม่สะดวกได้ครับ และส่วนหนึ่งก็อาจเกิดขึ้นมาจากการหายใจเร็วโดยไม่รู้ตัวเมื่อเกิดอารมณ์เศร้าขึ้นมาอย่างรุนแรง

ในเบื้องต้นนั้นหมอแนะนำว่าควรฝึกการผ่อนคลายให้กับตนเองโดยการฝึกการกำหนดลมหายใจเข้าออก เมื่อมีความเครียดหรืออารมณ์เศร้าเกิดขึ้นก็ให้หายใจเข้าออกลึกๆยาวๆ อย่างช้าๆ ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการชาและใจสั่นได้ครับ

ส่วนการที่มีความเครียดต้องร้องไห้อยู่บ่อยๆนั้น หมอเกรงว่าอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ ซึ่งในกรณีนี้หมอแนะนำให้ลองทำแบบทดสอบตามลิ้งค์นี้เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าของตนเองดูก่อน

http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html

ถ้าหากทำได้ตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไปก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้นครับ

แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะทำแบบทดสอบออกมาได้ผลเป็นอย่างไร ถ้าหากปัญหาเกี่ยวกับอารมณ์และความเครียดต่างๆเกิดขึ้นมาติดต่อกันเป็นเวลานานและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง หมอก็แนะนำให้ไปพบจิตแพทย์เพื่อประเมินอาการเพิ่มเติมก่อนครับ เพื่อที่จะได้ให้การช่วยเหลือให้อารมณ์ต่างๆดีขึ้น

ทุกคนสามารถไปพบจิตแพทย์ได้เมื่อต้องการความช่วยเหลือครับ

การเจ็บป่วยทางด้านจิตใจนั้นก็เป็นปัญหาสุขภาพอย่างหนึ่งที่ไม่แตกต่างอะไรจากการเจ็บป่วยทางด้านร่างกายครับ แต่คนโดยส่วนใหญ่มักไม่คุ้นเคยกับการไปพบจิตแพทย์ทำให้อาจเกิดความกังวลได้ในช่วงแรก

หมอจะขอเล่ากระบวนการในการไปพบจิตแพทย์ให้ได้อ่านนะครับ
- เมื่อสังเกตว่าตนเองมีปัญหาทางด้านอารมณ์ ความเครียด หรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตอื่นๆ ก็สามารถโทรไปติดต่อที่โรงพยาบาลที่มีจิตแพทย์ที่สะดวกเพื่อนัดหมายวันตรวจกับจิตแพทย์ได้ทันที
- เมื่อได้พบจิตแพทย์ ทางจิตแพทย์ก็จะเปิดโอกาสให้ได้เล่าอาการรวมถึงความเครียดต่างๆที่เกิดขึ้น และจะมีการซักถามเพิ่มเติมเป็นระยะเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนมากขึ้น ร่วมกับการตรวจประเมินความคิด ความจำ และอารมณ์ในขณะนั้น
- เมื่อประเมินอาการอย่างครบถ้วนแล้วแพทย์ก็จะให้การวินิจฉัยและเลือกการรักษาที่เหมาะสมให้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของการแนะนำการปฏิบัติตัว การให้ยา หรือการทำจิตบำบัด
- จากนั้นก็จะมีการนัดหมายมาติดตามอาการเป็นระยะ

ซึ่งจะเห็นได้ว่ากระบวนการทั้งหมดแทบไม่แตกต่างจากการพบแพทย์ทางกายทั่วไปเลยครับ และการที่ได้พบจิตแพทย์เพื่อดูแลสุขภาพใจให้ดีไปพร้อมๆกับสุขภาพกาย ก็ย่อมส่งผลให้เกิดสุขภาพโดยรวมที่ดีตามมาครับ

ยังไงก็ลองหาโรงพยาบาลที่สะดวกเพื่อไปพบจิตแพทย์และตรวจประเมินอาการดูก่อนนะครับ หมอเป็นกำลังใจให้ครับ

ไม่ว่าจะเป็นความเครียดธรรมดา โรคซึมเศร้า หรือโรควิตกกังวล ทุอย่างสามารถรักษาให้หายได้ทั้งหมดครับ

ในกรณีของโรคซึมเศร้านั้นจะทำให้มีอาการ คือ มีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับมีอาการต่างๆ เช่น นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ไม่มีสมาธิ มีความคิดในแง่ลบ คิดโทษตัวเอง มีความคิดหรือเคยลงมือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย

แต่ถ้าหากเป็นโรควิตกกังวลอาการก็จะเกิดในลักษณะของการติดกังวลล่วงหน้าไปเรื่อยๆ เช่น กลัวจะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง กลัวจะทำเรื่องไม่ดีต่อหน้าคนอื่น กลัวจะเกิดปัญหาภายครอบครัวทั้งๆที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งความวิตกกังวลดังกล่าวมักจะมากเกินกว่าเหตุที่ควรจะเป็นครับ

อย่างไรก็ตามทั่งหมดนี้ต้องอาศัยการประเมินอาการจากจิตแพทย์ก่อนจึงจะบอกสาเหตุได้อย่างชัดเจนครับ

การที่ไม่สามารถห้ามไม่ให้ตัวเองกังวลได้ทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งที่กังวลนั้นมากเกินไปอาจเป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกว่าเป็นอาการของโรควิตกกังวลได้ครับ ซึ่งจากอาการทั้งหมดนี้ควรจะได้รับการตรวจประเมินอาการแยกจากสาเหตุอื่นๆให้แน่ชัดก่อน จึงจะให้ความช่วยเหลือและการรักษาที่เหมาะสมได้ครับ

ในเบื้องต้นนั้นหมอแนะนำให้ไปพบจิตแพทย์เพื่อประเมินอาการเพิ่มเติมก่อนครับ

อาการของโรคเครียด จะมีอาการตามเกณฑ์ตามแบบประเมินดังนี้ค่ะ

ให้สำรวจอาการในระยะเวลา 2 เดือน ว่ามีอาการเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน และให้คะแนนตามระดับความถี่ของอาการดังนี้
ไม่เคยเลย 0 คะแนน , ครั้งคราว 1 คะแนน, บ่อยๆ 2 คะแนน ,ประจำ 3 คะแนน
1. นอนไม่หลับ เพราะมีเรื่องกังวลใจหรือคิดมาก
2. รู้สึกหงุดหงิด รำคาญใจ
3. ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะประสาทตึงเครียด
4. รู้สึกวุ่นวายใจ
5. ไม่อยากพบปะผู้คน
6. ไม่มีความสุข รู้สึกเศร้าหมอง
7. ปวดหัวข้างเดียวหรือปวดขมับ 2 ข้าง
8. รู้สึกหมดหวังในชีวิต
9. รู้สึกว่าชีวิตตนเองไร้คุณค่า
10. กระวนกระวายตลอดเวลา
11. ขาดสมาธิ
12. อ่อนเพลีย ไม่มีแรงที่จะทำอะไร
13. เหนื่อยหน่ายไม่อยากทำอะไร
14. ใจเต้นแรง
15. เสียงสั่น ปากสั่น มือสั่นเมื่อรู้สึกไม่พอใจ
16. กลัวผิดพลาดในการทำสิ่งต่างๆ
17. ปวดเกร็งบริเวณท้ายทอย หลัง ไหล่
18. ตื่นเต้นง่ายกับเหตุการณ์ที่ไม่คุ้นเคย
19. มึนงง วิงเวียนศีรษะ
20. ความสุขทางเพศลดลง ขาดความใส่ใจในการดูแลตัวเอง

หากคะแนนรวมมากว่า 17 คะแนน หมายความว่ามีความเครียดในระดับสูงเกินปกติ ควรหาวิธีผ่อนคลายความตึงเครียด หรือเข้าพบจิตแพทย์ ทำการตรวจประเมินอย่างละเอียดและรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสมนะคะ