สวัสดีครับ ผมอายุ 20 ปี ผมขอเล่าก่อนว่าก่อนหน้านี้ผมมีอาการจู่ๆก็วิตกกังวลแล้วหัวใจเต้นเร็วและแรง เวียนหัวมึนหัวโหว่งเหวงไปหมด รู้สึกเหมือนตัวเองจะตายรู้สึกกลัวตายหม่นหมองเครียดไปหมดเลยครับ ไปตรวจกับหมอเป็นเวลานับเดือนครับ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจเลือด หมอบอกว่า ตับไตปอดหัวใจเลือดปกติดีทุกอย่างไม่ได้เป็นอะไร แต่ผมก็ยังมีอาการเวียนหัวหรือโลกหมุนและรู้สึกกลัวตายบ่อยครั้งและยังกลัวว่าอาการเหล่านี้จะกลับมาตลอดๆ ไปอ่านมาเขาบอกว่าอาจจะเป็นแพนิคซึ่งอาการผมก็เข้าข่ายมากๆ หมอนัดเจอจิตแพทย์ให้ช่วงเดือนหน้าประมาณเกือบๆปลายเดือน เพื่อดูสภาพจิตใจ ก่อนหน้านี้ผมตี 2 3 ตื่น 10 โมง 9 โมงเช้าบ้าง กินอาหารไไม่ตรงเวลา หลังจากปรับมานอนเร็วขึ้นและกินอาหารออกกำลังก็ดีขึ้นแต่ยังมีความกังวลอยู่ตลอดครับ แล้วมีอาการเจ็บปวดอกซ้ายในบ้างครั้ง เวลายกแขนขึ้นแล้วค่อยๆเอาลงมาด้า้นหน้าก็มีอาการเจ็บอกซ้ายด้วยครับ รู้สึกอกแน่นๆในบ้างครับ ทุกวันนี้หมอยังให้ยามากินทุกเช้าครับหลังอาหารเช้าวันล่ะหนึ่งเม็ดซึ่งเป็นยา carVEdiLOL 6.25 MG หลังจากหาหหมอแล้วรู้ว่าตัวเองอาจจะเป็นโรคแพนิคก็ทำให้อาการดีขึ้นครับ เลยตอนนี้สงสัยว่าผมเป็นแพนิคหรือเปล่าและอาการเจ็บอกเกิดจากอะไร แล้วผมสามารถไปหาหมอจิตแพทย์ก่อนเวลานัดที่โรงพยาบาลอื่นก่อนได้ไหมครับ ? เพราะเวลามีอาการรู้สึกทรมาณมากๆ อยากหายไวๆครับ ( แพนิคอาการแบบนี้ผมเป็นมานานแล้วครับแต่ไม่รู้ชื่อเรียก ตอนเด็กมีเหตุการณ์กระทบจิตใจใหญ่ 4-5 ครั้ง แล้วล่าสุดก็เมื่อ3-4 ปีก่อนครับ ) ส่วนสูง 168 น้ำหนัก 68-69 นี่จะเกี่ยวด้วยหรือเปล่าครับเพราะตั้งแต่เข้ามหาลัยมาก็ไม่ได้ออกกำลังกายกินเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง

สวัสดีครับ
โรคแพนิคนั้นเป็นโรคทางจิตใจในกลุ่มโรควิตกกังวลประเภทหนึ่งซึ่งจะทำให้เกิดอาการทางกายขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน เช่น ใจสั่น มือสั่น เหงื่อออก เวียนศีรษะ มือเท้าเย็น ชาตามมือตามเท้า แน่นหน้าอก จุกแน่นคอ หายใจไม่สะดวก จนทำให้บางครั้งอาจเกิดความรู้สึกว่าเสียความเป็นตัวของตัวเอง เสียการควบคุมตัวเองไป จนเกิดความกังวลว่าอาจมีอันตรายถึงชีวิตเกิดขึ้นได้ครับ

อย่างไรก็ตามโรคทางกายหลายๆโรคก็อาจมีอาการเลียนแบบโรคแพนิคได้ ซึ่งถ้าหากได้ตรวจร่างกายอย่างละเอียดแล้วไม่พบสาเหตุอื่น ก็จะทำให้มีโอกาสที่เป็นโรคแพนิคได้มากขึ้นครับ

การรักษาโรคแพนิคนั้นจะประกอบด้วยการรักษาด้วยยาเพื่อช่วยลดความกังวลและการกำเริบของโรค ร่วมกับการฝึกการผ่อนคลายตัวเอง และการทำจิตบำบัดหรือพฤติกรรมบำบัด ซึ่งทั้งหมดนี้ควรได้รับการประเมินอาการจากจิตแพทย์ก่อนจึงจะเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมได้ครับ

ในเบื้องต้นนั้นหมอขอแนะนำเทคนิคการผ่อนคลายตนเองให้นำไปปรับใช้ดูก่อน เมื่อเกิดอาการแพนิคขึ้นมาให้ตั้งตั้งสติและพยายามสูดหายใจเข้าออกลึกๆยาวๆอย่างช้าๆ จรกระทั่งเริ่มเกิดอารมณ์ที่ผ่อนคลายและอาการสงบลง ก็จะเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยในเบื้องต้นก่อนได้ครับ

สำหรับการไปพบจิตแพทย์ก่อนนัดนั้นอาจเป็นเรื่องยากรรับ เนื่องจากในปัจจุบันจิตแพทย์ยังค่อนข้างขาดแคลน ทำให้คิวตรวจค่อนข้างยาว แต่ทั้งนี้ก็อาจโทรไปที่โรงพยาบาลต่างๆเพื่อสอบถามวันนัดว่าที่ไหนนัดได้เร็วที่สุดได้ครับ

และในกรณีที่เกิดอาการขึ้นอย่างกระทันหันก็สามารถเดินทางไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อประเมินอาการก่อนได้ว่าไม่ได้มีสาเหตุที่เป็นอันตรายครับ

สามารถไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลอื่นได้ครับ แต่หมอแนะนำว่าให้นำประวัติการตรวจหาโรคทางกายจากโรงพยาบาลเดิมไปดเวย เพื่อให้ไม่ต้องตรวจซ้ำใหม่อีกครั้งที่โรงพยาบาลอื่นครับ

ค่าตรวจรักษาที่แผนกจิตเวชของแต่ละโรงพยาบาลจะมีความแตกต่างกันไปครับ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 500-1000 บาทสำหรับโรงพยาบาลรัฐและประมาณ 2000-4000 บาทสำหรับโรงพยาบาลเอกชนครับ

สำหรับค่าใช้จ่ายที่แน่นอนแนะนำให้สอบถามจากทางโรงพยาบาลโดยตรงอีกครั้งครับ

โดยส่วนใหญ่แล้วทุกโรงพยาบาลนั้นสามารถขอประวัติการรักษาได้โดยการไปแจ้งความประสงค์ที่โรงพยาบาลพร้อมนำบัตรประชาชนไปด้วยครับ

สวัสดีครับ

ขอเพิ่มเติมในส่วนของ การมองโรคแพนิคนี้ในมุมมองของนักจิตวิทยานะครับ โดยจากที่เล่ามาจะมีในเรื่องของเหตุการณ์ที่ทำให้คุณได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ ในอดีตและเคยเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งตรงนี้อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดความกลัว และความวิตกกังวลในสถานการณ์เฉพาะที่อยู่ภายในจิตใจได้ ที่ทำให้เกิดอาการแพนิคขึ้นครับ

ซึ่งอย่างที่คุณหมอได้อธิบายไว้ว่าในบางครั้งอาการของโรคแพนิคนี้อาจจะมาจากอาการทางกายของโรคอื่นๆได้ดังนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือต้องเข้ารับการตรวจร่างกายเพื่อให้แน่ใจได้ว่าคุณไม่ได้มีอาการเหล่านี้เนื่องมาจากโรคทางกายนะครับ

หลังจากนั้นในส่วนของการดูแลทางด้านจิตใจ การพยายามนอนหลับให้เพียงพอและทานอาหารที่ดี ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นเรื่องที่ดีนะครับ นอกจากว่าคุณจะได้สภาพจิตใจที่ดีขึ้นแล้ว สุขภาพร่างกายของคุณเองก็จะพัฒนาขึ้นไปด้วย นอกจากนั้นแล้วในบางกรณีการทานยาเพื่อช่วยในโรคแพนิคก็เป็นสิ่งที่อาจจะทำให้คุณลดอาการแพนิคได้น้อยลงครับ หากต้องการเข้าพบการทำจิตบำบัด ก็อาจจะเป็นเรื่องของการตรวจสอบว่าอะไรเป็นสถานการณ์หรือตัวกระตุ้นให้เกิดอาการแพนิค หลังจากนั้นแล้วก็จะเป็นเรื่องในการเรียนรู้ว่าจะหลีกเลื่ยงหรือว่ารับมือกับตัวกระตุ้นเหล่านั้นอย่างไร และทำอย่างไรถึงจะทำให้ความกังวลซึ่งเป็นพื้นฐานของอาการแพนิคนี้ลดน้อยลง หรือทำให้คุณสามารถรับมือกับภาวะวิตกกังวลเหล่านี้ได้โดยที่ไม่กระทบกระเทือนกับการใช้ชีวิตประจำวันของคุณนะครับ

สุดท้ายนี้อาจจะต้องให้เข้าใจว่าการบำบัดรักษาโรคแพนิคนี้อาจจะต้องอาศัยเวลาและการทำงานของคุณเองร่วมกันกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยานะครับ หากมีคำถามอืนๆเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามเข้ามาได้นะครับ

โรคกรดไหลย้อนสามารถเป็นคู่กับโรคแพนิคได้ครับ ในขณะที่โรคแพนิคเองก็ทำให้เกิดอาการคล้ายกรดไหลย้อนได้เช่นกัน ทำให้อาจแยกได้ยากว่าอาการเกิดขึ้นจากสาเหตุใดครับ

แต่ถ้าหากอาการจุกคอลมดันขึ้นนั้นเกิดขึ้นบ่อยๆโดยไม่ได้สัมพันธ์กับอาการแพนิคอื่นๆก็มีแนวโน้มที่จะเป็นกรดไหลย้อนมากกว่าครับ

ในกรณีที่สงสัยว่าอาจเป็นกรดไหลย้อนได้ ในเบื้องต้นนั้นหมอแนะนำให้ปฏิบัติตัวดังนี้
- หลีกเลี่ยงการรับประทานของมัน ของทอด
- รับประทานอาหารแต่พออิ่ม ไม่รับประทานอาหารจนจุกแน่นเกินไป
- งดการดื่มชา กสแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ไม่ล้มตัวลงนอนหลังรับประทานอาหาร 4 ชั่วโมง

และถ้าหากปฏิบัติตามนี้แล้วอาการยังไม่ดีขึ้นก็แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมครับ

การเจ็บหน้าอกเวลายืดตัวนั้นไม่ใช่อาการของโรคกรดไหลย้อนครับ แต่อาการเจ็บหน้าอกในลักษณะที่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนท่าทางนั้นมักมีสาเหตุมาจากการอักเสบของกล้ามเนื้อหรือกระดูกบริเวณหน้าอกมากกว่า หมอแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจยืนยันสาเหตุดูอีกครั้งครับ

แพนิค เป็นโรคในกลุ่มวิตกกังวล การที่มีความวิตกกังวลมากเกินปกติจะทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานไวเกิน ทำให้มีอาการแสดงออกทางกาย เช่น ใจเต้นแรง เร็ว หายใจถี่ เหนื่อยหอบ มือ เท้าชา ตัวเกร็ง เหงื่ออก หน้ามืด จุกแน่นหน้าอก และเมื่อมีอาการทางกายเกิดขึ้นผู้ป่วยจะยิ่งกลัวและวิตกกังวลมากขึ้น กลัวว่าจะมีอาการจนถึงแก่ความตาย และจะทำนายไม่ได้ว่าจะมีอาการเกิดขึ้นตอนไหน จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ไม่กล้าออกไปไหนมาไหน เพราะกลัวจะไปมีอาการนอกบ้าน ไม่กล้าอยู่คนเดียว กลัวว่าจะมีอาการแล้วไม่มีคนช่วย นอกจากนั้น มีพฤติกรรมการนอนผิดปกติ อาจจะนอนไม่หลับ หลับไม่สนิท เป็นต้น

ส่วนสาเหตุ เกิดจากความวิตกกังวล ซึ่งเป็นผลมาจากสารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ

การรักษา มีทั้งการใช้ยาพื่อช่วยลดอาการวิตกกังวลลง ร่วมกับการทำจิตบำบัด โดยเฉพาะการเรียนรู้ทักษะในการผ่อนคลายความตึงเครียดทางจิตใจ ก่อนให้การรักษานั้น จิตแพทย์จะประเมินอาการของคุณเพิ่มเติม แล้ววินิจฉัยโรคให้แน่ชัดก่อนนะคะ

และเวลาเริ่มมีอาการแนะนำให้คุณตั้งสติ หายใจเข้าลึกๆ ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ทำไปเรื่อยๆ จะลดความรุนแรงของอาการแพนิคได้ระดับหนึ่งนะคะ

สวัสดีครับ

ในเรื่องของค่ารักษาพยาบาลตรงนี้อาจจะต้องลองโทรสอบถามทางโรงพยาบาลจะได้รับข้อมูลที่ตรงมากที่สุดครับ โดยหากไม่สามารถนำประวัติการรักษาเดิมที่มีอยู่ไปได้ การเอายาเดิมที่เคยกิน หรือการให้ข้อมูลผ่านการซักประวัติก็จะช่วยให้จิตแพทย์ที่โรงพยาบาลบางโพได้เข้าใจในสถานการณ์ของตัวคุณได้เช่นกันครับ ซึ่งการตรวจประเมินและวินิจฉัยของจิตแพทย์แต่ละคนอาจจะมีสไตล์ที่แตกต่างกัน และผลที่ออกมาอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้นะครับ เพราะในหลายๆครั้งโรคทางจิตเวชมีอาการที่คล้ายคลึงกันและสามารถเป็นซ้อนๆกันได้ครับ ดังนั้นผมก็อยากแนะนำให้เข้าไปพบจิตแพทย์ด้วยข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด ก็จะช่วยให้จิตแพทย์ได้เห็นภาพของเราได้ง่ายขึ้นครับ

ในส่วนของค่าการรักษาอาจจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับค่ายา หรือค่าการทำการตรวจประเมินหากว่าแพทย์เห็นว่าจำเป็นนะครับซึ่งตรงนี้ต้องรบกวนลองโทรหาทางโรงพยาบาลเลยนะครับเพื่อให้เขาประมาณค่าใช้จ่ายให้ได้ และหากอยู่ในห้องกับจิตแพทย์ก็อาจจะลองพูดคุยได้ครับว่ามีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเพื่อที่จะดูว่าคุณจะสามารถใช้สิทธิหรือเบิกค่ารักษาบางส่วนได้หรือไม่