สวัสดีค่ะ ดิฉันมีอาการปวดหัวนมและเต้านมเจ็บทุกวันแต่ไม่ตลอดเวลาค่ะ อาการเจ็บเหมือนตอนคัดนมเวลาลูกไม่ได้กินนมขนาดนมก็ใหญ่ขึ้น แต่ไม่ได้ท้องค่ะตรวจแล้ว อาการเริ่มตั้งแต่หยุดฉีดยาคุมได้ประมาณ 2 เดือน ปกติดิฉันฉีดยาคุมแบบ 3 เดือน มาได้ 2 ปีแล้วค่ะ แต่ตอนนี้หยุดฉีดมาได้ 5 เดือน แล้ว ประจำเดือนก็ยังไม่มา อาการแบบนี้เป็นเพราะฮอร์โมนรึเปล่าคะ ควรพบหมอมั้ยคะ ถ้าไปหาหมอควรไปหาหมอสูตินรีหรือเปล่าคะ ขอถามเพิ่มค่ะเรื่องการหยุดฉีดยาคุมเราควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดฉีดมั้ยคะ เพราะปกติเราได้รับฮอร์โมนทุกเดือนจากยาคุม

สวัสดีค่ะ อาการเจ็บเต้านมอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ เช่น -มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะในผู้ที่กำลังมีประจำเดือน ใช้การคุมกำเนิดบางประเภท -ภาวะเต้านมอักเสบ (Mastitis) เกิดจากการติดเชื้อของท่อน้ำนม โดยพบบ่อยในช่วงให้นมบุตร มีอาการเจ็บ บวม แดง ร้อน มีแผลที่เต้านมได้ -ก้อนหรือถุงน้ำในเต้านม เช่น Fibroadenoma มีลักษณะผิวเรียบ เคลื่อนที่ได้ พบในผู้หญิงที่อายุน้อย และ Fibrocystic Breasts พบได้บ่อยในผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขี้นไป ทั้งคู่ไม่ใช่ก้อนมะเร็ง -ฝีที่เต้านม (Breast Abscess) ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากภาวะเต้านมอักเสบ มีอาการปวด บวม แดง อาจมีแผลเป็นหนอง -จากการตั้งครรภ์ โดยนอกจากมีอาการคัดตึงเต้านมแล้ว ยังมีประจำเดือนขาด หน้าท้องโตขึ้น ปัสสาวะบ่อย คลื่นไส้อาเจียน ไวต่อกลิ่น ความอยากอาหารเปลี่ยนไป อ่อนเพลียง่าย ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น อารมณ์แปรปรวน บริเวณใบหน้าคอรักแร้อวัยวะเพศมีสีคล้ำขึ้น ปวดศีรษะ เป็นต้นค่ะ ถ้าประจำเดือนขาดให้ตรวจการตั้งครรภ์จากปัสสาวะดูค่ะ โดยตรวจในตอนเช้าจะได้ผลตรวจที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดค่ะ กรณีฉีดยาคุมมานานๆ หรือเพิ่งเลิกจากการฉีดยาคุมอาจทำให้ประจำเดือนขาดได้ค่ะ กรณีนี้หมอแนะนำให้ไปพบสูตินารีแพทย์เพื่อหาสาเหตุต่อไปนะคะ