เป็นโรคกลัวโรคพิษสุนัขบ้ามากๆ แก้ยังไงดีครับ ผมกลัวโรคนี้มากๆครับ เริ่มที่ เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา หมาแค่เดินผ่านผม ผมไม่รู้สึกว่าตัวมันโดนตัวผมเลย แต่ กลับมาบ้านผมเห็นจุดเล็กๆที่ขา กลัวโดนมันข่วนไม่รู้ตัว ผมเลยไปหาหมอ หมอบอกไหนๆมาแล้ว ยังไม่เคยฉีดอะไร เลยให้ฉีดแบบป้องกันล่วงหน้าแบบเข้าผิวหนังไป 3 เข็ม ผมหายกังวลไปประมาณเดือนนิดๆ พอมาเดือน ส.ค.ไปเดินที่คนเยอะๆ มีคนถือถุงใส่ของมาข่วนขาผมเป็นรอย ผมก็มาคิดว่า อาจจะไม่ใช่ถุง เค้าอาจจะจูงหมาแล้วหมาข่วนผมก็ได้ ผมเลยไปโกหกหมอเพื่อได้ฉีดกระตุ้น 1 เข็ม ต่อมาประมาณเดือน ก.ย. ผมโดนพุ่มไม้ข้างทางข่วน ผมก็มาคิดว่า อาจเป็นหมาแมวซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ มาข่วนผม แล้วผมมองไม่เห็น เลยไปโกหกหมอ(คนละ ร.พ.กับครั้งที่ผ่านมา) เพื่อให้ได้ฉีดอีก 1 เข็ม พอมาสัปดาห์ก่อน ผมสังเกตุมีรอยถลอกที่นิ้วผม เป็นรอยหนังกำพร้าลอก แสบนิดๆ ผมไม่รู้ตัวเลยว่าไปโดนอะไรมา แต่สมองผมก็คิดไปว่าจะโดนหมาแมวข่วนไม่รู้ตัวอีกแล้วครับ ผมกังวลมากนอนไม่หลับ แต่ผมไม่อยากไปฉีดยาอีกแล้วอ่ะครับ เพราะที่ผ่านมาผมฉีดกระตุ้นไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันเดือนนิดๆเท่านั้น แต่ผมก็กลัวจะเป็นรอยหมาแมวข่วนจริงๆ ผมควรทำไงดีครับ? ปล. นอกจากความกังวลเรื่องนี้แล้ว ผมยังใช้ชีวิตเรื่องอื่นๆ ได้ปกติ พูดคุยกับคนอื่น ทำงานได้ปกติครับ

สวัสดีครับ
การมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่มากเกินไป ทั้งๆที่รู้ตัวว่าความกังวลนั้นเป็นมากเกินควรแต่ก็ไม่สามารถควบคุมความกังวลนั้นได้ อาจเป็นอาการของโรคย้ำคิดย้ำทำ หรือโรควิตกกังวลกังวลกลัวการเป็นโรคได้ครับ ซึ่งผลของอาการถ้าหากปล่อยทิ้งไว้อาจมีผลทำให้เกิดการเสียเวลาในชีวิต รวมถึงอาจทำให้ได้รับการรักษาหลายๆอย่างโดยไม่จำเป็นในลักษณะที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ได้

ในเบื้องต้นหมอแนะนำให้ลองไปปรึกษาจิตแพทย์เพื่อประเมินหาสาเหตุของอาการดังกล่าวก่อนครับ เพื่อที่จะได้ให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไป โดยอาจเป็นการรักษาด้วยยาเพื่อลดความกังวล การทำจิตบำบัด หรือพฤติกรรมบำบัดตามที่แพทย์พิจารณาเห็นว่าเหมาะสมครับ

ถ้าหากการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าเป็นไปตามข้อบ่งชี้ที่เหมาะสม เช่น ถูกสัตว์กัด/ข่วนจริงๆ หรือ มีการสัมผัสกับน้ำลายสัตว์ที่บาดแผลก็สามารถไปฉีดวัคซีนได้ครับ

แต่ถ้าหากแผลที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นจากสัตว์ก็ไม่ควรแจ้งแพทย์ว่าถูกสัตว์กัดเพื่อให้ได้ฉีดยาครับ เพราะการได้รับวัคซีนพิษสุนัขบ้าบ่อยเกินความจำเป็นอาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาการแพ้วัคซีนได้ง่ายกว่าคนทั่วไป และการใช้วิธีนี้เพื่อให้เกิดความสบายใจก็ไม่ใช่วิธีแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องด้วยครับ

เมื่อมีการวิตกกังวลที่มากเกินไปนั้นกลไกทางจิตใจก็มักจะหาทางออกต่างๆเพื่อให้เกิดความสบายใจขึ้น ในกรณีนี้ที่คุณมีความกังวลเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า เมื่อคุณไปฉีดวัคซีนแล้วเกิดความสบายใจก็จะทำให้ตัวคุณเกิดการเรียนรู้ว่าถ้าหากใช้วิธีนี้อีกก็จะทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น ซึ่งการเรียนรู้แบบนี้เป็นการเรียนรู้ที่ผิดครับ เพราะวิธีนี้จะช่วยให้คุณเกิดความสบายใจได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น หลังคุณสบายใจได้ไม่นานคุณก็จะกลับมารู้สึกกังวลกับเรื่องเดิมอีก วิธีนี้จึงไม่สามารถลดความกังวลในระยะยาวได้

สิ่งที่สำคัญกับตัวคุณตอนนี้คือต้องทำให้ตัวคุณเกิดการเรียนรู้ใหม่ว่า ความกังวลต่อโรคพิษสุนัขบ้าของคุณที่มากเกินควรนั้นจะหายไปได้เองโดยคุณไม่จำเป็นต้องทำการใดๆรวมถึงไม่จำเป็นต้องไปฉีดวัคซีนครับ

ทางจิตแพทย์นั้นจะช่วยให้คุณสามารถเรียนรู้วิธีจัดการกับความกังวลที่ถูกต้องได้ผ่านทางการใช้ยาและการทำจิตบำบัดหรือพฤติกรรมบำบัด หมอจึงแนะนำว่าควรไปพบจิตแพทย์ครับ

สวัสดีครับ

อาการความกลัวเหล่านี้ อาจจะสามารถถูกจัดว่าเป็นความกลัวที่เรียกว่า Phobia ได้ครับซึ่งในกรณีของคุณก็จะเป็นการกลัวที่จะติดโรคพิษสุนัขบ้า และได้มีการแพร่กระจายไปถึงการกลัวว่าจะโดนสุนัขหรือแมวข่วนหรือทำให้เกิดแผล ผมได้ลองแนบลิ้งค์อธิบายคร่าวๆในเรื่องของโรค Phobia ไว้ด้างล่างครับซึ่งอยากให้คุณลองเข้าไปศึกษาข้อมูลได้

https://www.honestdocs.co/what-is-a-phobia

ในกรณีที่เป็นโรคเหล่านี้ กระบวนการบำบัดการจิตวิทยาสามารถเป็นตัวเลือกหนึ่งได้ที่ใช้เพื่อลดอาการวิตกกังวลหรือความกลัวเหล่านี้ได้ครับ ซึ่งคุณสามารถลองเข้าพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อเข้ารับการพูดคุยหรือรับยาเพื่อลดอาการกังวลที่เกิดขึ้นได้ครับ

ความวิตกกังวลที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย และการใช้ชีวิตที่ต้องมีความระแวดระวังอย่างมาก อาการดังกล่าวอาจแก้ไขได้โดยการพบจิตแพทย์ ซึ่งต้องประเมินอาการเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัด รับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม ซึ่งอาจจำเป็นต้องใช้ยาในกลุ่มคลายวิตกกังวล เพื่อปรับสมดุลสารเคมีในสมองเพื่อทำให้ความคิด กลับมาคิดเป็นเหตุเป็นผลที่ควรจะเป็น นอกจากนั้นอาจรักาาด้วยวิธีการทำจิตบำบัด เน้นการปรับเปลี่ยนกระบวนการคิด เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ค่ะ การรักษาภาวะเช่นนี้อาจต้องใช้เวลาในการรักษา ดังนั้นการเริ่มต้นรักษาควรปฏิบัติตามคำแนะนำของจิตแพทย์และผู้บำบัด จะช่วยให้คุณคลายความวิตกกังวลที่มีอยู่ได้ ปรับตัวใช้ชีวิตได้เป็นปกติเหมือนคนอื่นๆทั่วไปนะคะ