May 14, 2018 14:34
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ใช้เป็นยาคุมฉุกเฉินหรือเปล่าคะ ถ้าใช่ และรับประทานไปแล้ว 1 เม็ด แนะนำให้รับประทานต่ออีกเม็ดจนครบขนาดนะคะ เพราะจะลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ลงได้ค่ะ
แต่ถ้าเป็นการใช้ยาคุมรายเดือน การใช้ตามขนาดปกติจะไม่มีผลคุมกำเนิดฉุกเฉินนะคะ หากไม่ได้อยู่ในช่วง 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ควรต้องรีบไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมาใช้แทนค่ะ หากยังไม่มีการรับประทานยาคุมฉุกเฉิน แนะนำให้รับประทานพร้อมกันทีเดียวครบขนาด (รับประทานทีเดียวหมดแผง) เนื่องจากการศึกษาใหม่ ๆ ชี้ว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าการแยกรับประทานค่ะ (ส่วนการศึกษาในอดีตจะกล่าวว่าประสิทธิภาพไม่ต่างกัน) และรีบรับประทานโดยเร็วหลังมีเพศสัมพันธ์ อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์นะคะ แต่ยิ่งรับประทานเร็วจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ที่ล่าช้าค่ะ
ส่วนยาคุมรายเดือนที่ใช้ไปแล้ว 1 เม็ด ในกรณีที่ไม่ได้อยู่ในช่วง 5 วันแรกของการมีประจำเดือน และมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ คือถุงยางฉีกขาด แนะนำว่าควรพักการใช้ไว้ก่อนค่ะ รอให้ประจำเดือนมาแล้วจึงเริ่มใช้ และหากใช้ยาคุมแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน จะมีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
อนรรฆวี ฉง (พญ.)
ถุงยางอนามัยขาดมีโอกาสเสี่ยงจะท้องได้นะคะ หมอแนะนำว่าให้ไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมารับประทานค่ะตอนนี้ยังทันค่ะ โดยรับประทานใน72ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์ค่ะ โดยมีประสิทธิภาพคุมกำเนิดได้ดี มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง ร้อยละ0.4- 1.1 รับประทานอาจมีอาการคลื่นไส้ค่ะ แต่ถ้าอาเจียนใน2ชั่วโมงหลังกินแนะนำให้รับประทานเข้าไปใหม่ โดยยามี2เม็ดกินห่างกัน12ชั่วโมงค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ณัฐชนน สถาปนพิทักษ์กิจ (เภสัชกร)
เพื่อความปลอดภัยผมแนะนำให้รับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินดีกว่าครับ เพราะถุงยางขาด ยังไงถ้าคุณแฟนรับประทานยาเม็ดแรกไปแล้ว แนะนำว่าอีก 12 ชม.ถัดมารับประทานเม็ดที่สองตามไปได้เลยครับ ประมาณ 3 วันหลังจากนี้ ประจำเดือนของคุณแฟนน่าจะมาครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
ภก. ธีรศิลป์ โยมา (เภสัชกร)
ถ้าถุงยางขาด ก็มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ครับ ถ้ายังไม่อยากตั้งครรภ์ กรณีที่ไม่ได้ทานยาคุมรายเดือน ต้องรีบทานยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุดไม่ควรเกิด 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ (แต่ยิ่งเร็วประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดยิ่งสูง แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้คุม 100 %) ในท้องตลาดยาคุมฉุกเฉินจะมี 2 แบบ
แบบที่ 1. เป็นแบบ 2 เม็ด (ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้) โดยใน 1 กล่องจะมียา 2 เม็ด อันนี้ต้องทานให้ครบ 2 เม็ดนะครับ ถึงจะมีประสิทธิภาพตามที่ควรจะเป็น ถ้ากินไม่หมดจะมีโอกาสตั้งครรภ์สูงกว่าปกติได้มากครับ โดยสามารถทานได้ 2 วิธี คือ
1.1 ทานพร้อมกันเลยทีเดียว 2 เม็ด (แต่อาจมีอาการข้างเคียงได้เช่น คลื้นไส้ อาเจียน)
1.2 แบ่งทานทีละ 1 เม็ดคือ ทานเม็ดแรกให้เร็วที่สุดหลังมีกิจกรรม ส่วนเม็ดที่ 2 ทานอีกครั้งภายใน 12 ชั่วโมงนับจากเม็ดแรก ยกตัวอย่างเช่น เม็ดแรก ทานไปตอน 7.00 น. เม็ดที่ 2 จะทานตอนไหนก็ได้**แต่ต้อง*ไม่*เกิน 19.00 น. (12 ชั่วโมงนับจาก 7.00 น.)
แบบที่2. แบบ 1 เม็ด ปัจจุบันมียี่ห้อเดียวคือ ยี่ห้อ Maple fort คือในกล่องจะมีเพียง 1 เม็ด ถ้าเป็นแบบนี้คือ บริษัทเค้าเอา 2 เม็ดมารวมเป็น 1 เม็ด เสมือนเราทานแบบที่ 1 สองเม็ดพร้อมกันครับ
สรุป ยาคุมฉุกเฉินใน 1 กล่อง ที่ซื้อมา มีกี่เม็ด ต้องทานให้หมดครับ ถ้ามี 2 เม็ดในกล่องก็ต้องกินให้หมดตามวิธีข้างต้น ถ้ามี 1 เม็ดในกล่องก็กินเพียงเม็ดเดียว หลังจากนั้นประจำเดือนจะมาปกติ 3-7 วันหลังทานยาคุมฉุกเฉินครับ ถ้าประจำเดือนไม่มา เมื่อถึงรอบเดือนแล้วยังไม่มาอีก ควรทดลองตรวจการตั้งครรภ์แบบเบื้องต้นโดยใช้อุปกร์ตามร้านยา หรือจะตรวจจากเลือดซึ่งต้องไปพบแพทย์แต่จะแม่นยำกว่าครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ขออนุญาตแนะนำเพิ่มเติมนะคะ
1. ในการศึกษาใหม่ ๆ เกี่ยวกับประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉิน พบว่า อาจสูงกว่าหรือต่ำกว่าที่มีการประเมินไว้ในอดีตค่ะ
นั่นเพราะในอดีตเชื่อว่ายาคุมฉุกเฉินมีหลายกลไกร่วมกันในการป้องกันการตั้งครรภ์ ได้แก่ ยับยั้งไข่ตก, ขัดขวางอสุจิไม่ให้เข้าผสมกับไข่ และปรับสภาพเยื่อบุมดลูกไม่ให้พร้อมสำหรับการฝังตัว ดังนั้น ไม่ว่าจะใช้ในช่วงใดของรอบเดือนก็มีประสิทธิภาพไม่ต่างกัน ขอแค่รับประทานได้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์เท่านั้นก็พอ
แต่การศึกษาใหม่ ๆ ชี้ว่ากลไกที่มีประสิทธิภาพจริง ๆ จะเป็นกลไกของการยับยั้งไข่ตกเท่านั้น ดังนั้น ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ฉุกเฉินตามแนวคิดใหม่ จึงขึ้นอยู่กับว่าเป็นการใช้ก่อนไข่ตกและก่อนเกิดการปฏิสนธิหรือไม่ ซึ่งนอกจากจะต้องใช้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์แล้ว (ก่อนจะเกิดการปฏิสนธิ) หากใช้ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม (คือมีไข่ตกไปแล้ว) อาจไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ค่ะ
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าการใช้ยาคุมฉุกเฉินในช่วงก่อนไข่ตก จะถือว่ามีประสิทธิภาพดี แต่เนื่องจากประสิทธิภาพไม่แน่นอนเพราะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ใช้ ซึ่งต่างจากวิธีคุมกำเนิดปกติ ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้ใช้บ่อย หรือใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกตินั่นเองค่ะ
2. ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาเร่งประจำเดือน ดังนั้น ไม่จำเป็นจะต้องมีประจำเดือนออกมาภายใน 7 วันหลังรับประทานยาค่ะ แต่ประจำเดือนจะมาตามรอบปกติเดิมของผู้ใช้ หรืออาจคลาดเคลื่อนได้เล็กน้อยไม่กี่วัน โดยการศึกษาเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากยาชี้ว่า มากกว่า 90% ของผู้ที่รับประทานยาคุมฉุกเฉิน จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบหรืออาจเร็วหรือช้ากว่าวันที่คาดไว้ไม่เกิน 4 วันค่ะ
ส่วนเลือดจากช่องคลอดที่อาจพบได้ภายใน 7 วันหลังรับประทานยา เป็น "เลือดกะปริบกะปรอย" ที่เป็นผลข้างเคียงจากยาค่ะ อาจเกิดขึ้น หรืออาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ ผลข้างเคียงดังกล่าวไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าจะเกิดการตั้งครรภ์หรือไม่ค่ะ ดังนั้น ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเลือดกะปริบกะปรอยภายใน 7 วันหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินก็ไม่ต้องตกใจ
ในบางกรณี หากมีการใช้ยาคุมฉุกเฉินใกล้ช่วงที่กำลังจะมีประจำเดือน ก็อาจพบประจำเดือนภายใน 7 วันหลังรับประทานยาได้ค่ะ แต่ถ้าไม่ได้ใช้ใกล้ช่วงเวลาที่จะมีประจำเดือน ก็จะยังไม่มีประจำเดือนนะคะ
3. วิธีการรับประทานยาคุมฉุกเฉินมี 2 วิธี แต่มีการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของการใช้ทั้งสองวิธีแล้ว พบว่า การใช้วิธีดั้งเดิม (แยกเป็น 2 ครั้งห่างกัน 12 ชั่วโมง) หรือการใช้วิธีใหม่ (หมดแผงในครั้งเดียว) มีผลข้างเคียงไม่แตกต่างกันค่ะ ดังนั้นไม่ต้องกังวลที่จะใช้แบบครบขนาดในครั้งเดียวนะคะ
ในการศึกษาเดียวกันนั้นยังชี้ว่าประสิทธิภาพของทั้งสองวิธีก็ไม่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาใหม่ ๆ ที่แย้งในเรื่องของประสิทธิภาพว่า การรับประทานครบขนาดในครั้งเดียวมีประสิทธิภาพสูงกว่า ซึ่งผู้วิจัยคาดว่าเป็นผลมาจากการที่ระดับยาในเลือดสูงถึงระดับที่ยับยั้งไข่ตกได้เร็วกว่านั่นเอง ดังนั้น ในปัจจุบัน จึงนิยมที่จะแนะนำการรับประทานครบขนาดในครั้งเดียว
นั่นคือ หากใช้ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อเมเปิ้ล ฟอร์ท ซึ่งมีตัวยาลีโวนอร์เจสเทรลเม็ดละ 1.5 มิลลิกรัม ก็รับประทาน 1 เม็ดครั้งเดียว แต่ถ้าใช้ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อโพสตินอร์, มาดอนนา, แมรี่ พิงค์, นอร์แพ็ก หรือเลดี้นอร์ ซึ่งมีตัวยาลีโวนอร์เจสเทรลเม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม ก็ให้รับประทาน 2 เม็ดครั้งเดียวไปเลยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 386 บาท ลดสูงสุด 61%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
มีอะไรกับแฟนแล้วถุงยางขาดต้องกินยาคุม รึป่าวครับ คือแฟนกินไป1เม็ดแล้ว แล้วไม่อยากกินแล้ว ได้รึป่าวครับ?
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)