May 29, 2018 11:32
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สำหรับโรคไบโพล่าร์แล้ว จะต้องมีอาการManic หรืออารมณ์คึกคัก อย่างน้อย1สัปดาห์ สลับกับอาการซึมเศร้า อารมณ์คึกคักที่ว่านี้ได้แก่ เชื่อมั่นตัวเองมาก นอนน้อย พูดมากขึ้น ความคิดแล่น วอกแวก กระสับกระส่าย หากิจกรรมทำโดยไม่คิดผลที่จะตามมา ถ้ามีอาการที่กล่าวมาอย่างน้อย3ข้อ หรือ4ข้อหากมีเพียงอารมณ์หงุดหงิด สลับกับอาการซึมเศร้า ให้ไปพบแพทย์ค่ะ จากอาการที่กล่าวมาข้างต้นก็คล้ายกับโรคไบโพลาร์ค่ะ ยังไงแนะนำให้ไปพบจิตแพทย์เพื่อทำการตรวจและวินิจฉัยอีกทีนะคะ สำหรับการรักษาแพทย์จะให้ทำจิตบำบัดร่วมกับการทานยาค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
อาการดังกล่าว อาจเป็นอาการของการมีความเครียดสะสมเป็นระยะเวลานาน ซึ่งหากมีอาการนานต่อเนื่องนานกว่า 3 เดือน หลังจากเผชิญกับเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียดและอาการจะไม่นานถึง 6 เดือน อาจเข้าข่ายโรคการปรับตัวผิดปกติ ซึ่งจะมีอาการเด่น ดังนี้
มีความรู้สึกซึมเศร้าหรือมีอารมณ์เศร้าโศก
มีความบกพร่องในหน้าที่การงานหรือการเข้าสังคม
มีความร้อนรน
มีการต่อสู้หรือโต้เถียงรุนแรงกับคนในครอบครัว เพื่อนฝูงหรือแม้กระทั่งคนแปลกหน้า
มีความวิตกกังวล เครียดและกระวนกระวาย
ปลีกตัวออกห่างจากเพื่อนฝูง ครอบครัวและละเลยต่อหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
มีความผิดปกติทางร่างกาย รวมถึงอาการปวดเมื่อยตามตัว มีอาการสั่น กระตุก ปวดศีรษะ ปวดท้อง ฯลฯ
มีความกังวลใจ
ร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเข้าข่ายโรคการปรับตัวผิดปกติหรือไม่ พี่แนะนำให้หนูพบจิตแพทย์ให้คุณหมอประเมินอาการและให้คำแนะนำในการรักษาหรือปรับตัวที่เหมาะสม จะช่วยให้หนูสามารถใช้ชีวิตที่เป็นสุขได้ตามปกติค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาหน่อยค่ะ เราเคยบอกตัวเองว่าเราไม่ได้เป็นไบโพล่าร์เราปกติ แต่พอเรานึกย้อนกลับไปเรื่อยอากทรเราเริ่มมีตอน15และเริ่มมากขึ้นๆเคยนอนเที่ยงคืนเพิ่มมาเป็นตี1และเพิ่มเรื่อยจนตอนนี้นอนตี2-3หรือบางครั้งนอนแค่ครึ่งชั่วโมง หลายคนทักว่าเราพูดไม่รู้เรื่องบางคนบอกเราพูดเร็วไป อารมณ์เดี๋ยวนิ่ง เดี๋ยวเครียด เดี๋ยวดีจนเพื่อนงง เวลาได้ยินเสียงคนพูดหรือบ่นมันทำให้เราเครียดมากๆเคยเครียดมากๆจนต้องทุบหัวตัวเองแรงๆเพราะมันปวดหัวมากๆบางครั้งเราเผลอเหวี่ยงใส่คนอื่นเพราะเราปวดหัว. เราเลยมักใส่หูฟังเก็บเสียงมันแทบไม่ได้ยินเสียงภายนอกเลยละและใส่แมสเพื่อจะได้ไม่มีใครเห็นสีหน้าจริงๆ. มีครั้งนึงเครียดมากจากเรื่องครอบครัวจนไม่สามารถทำข้อสอบได้พยายามจะอ่านโจทย์แต่ภาพมันเบลอไม่หมดควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ตลอดการสอบเราไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้เลย. และได้ระบายกับเพื่อนสนิทบางก็ดีขึ้นบ้าง. แต่เรากลับมาเป็นอีกเครียดมากปกติเราเล่นกีฬาหนักไม่ได้เพราะเราหัวใจเต้นเร็วมากแต่เราระบายความเครียดด้วยการที่เราเล่นวอลเลย์บอลตลอด3ชั่วโมงแบบไม่พักมันก็ดีขึันนะ แต่ตอนนี้เราเริ่มสับสนว่าเราเป็นไบโพล่าร์หรือโรคหลายบุคคล เพราะ บุคคลิกเดิมเราใจเย็นนิ่งๆสุขุม.แต่มีบุคคลิกใจร้อนหัวร้อนไม่ค่อยใส่ใจใคร. อีกบุคคลิกตลกฮารั่วมากๆ อีกแบบคือเหมือนหุ่นยนต์ถามมาประโยคเราจะตอบสั่นมากๆหรือไม่ตอบเลยชอบเม่อไร้อารมณ์ใดๆทางสีหน้าและความรู้สึกไม่รู้สึกโกธรหรืออะไรเลยรู้สึกว่างเปล่า.บางครั้งเรื่องที่จำเป็นต้องโกธรเพื่อนถามว่าเราโกธรไหมเราถามกลับว่าต้องโกธรด้วยหรอไม่เห็นรู้สึกว่าความโกธรเป็นแบบไหนมันว่างเปล่า... ปล.เพื่อนสนิทและรุ่นพี่ชอบแนะนำให้เราไปหาหมอบ่อยๆแต่เรากลัวและคิดเสมอว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว. #เราชอบหลงลืมบ่อยตอนเป็นลุคหุ่นยนต์ #เคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้งมากๆ ตอนเครียดมากๆจะเผลอจิกตัวเองจนเป็นแผล. อยู่บ้านบางครั้งเครียดจัดๆก็กริ๊ดออกมา. บางครั้งร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)